วันนี้ (18 ส.ค.) ตำรวจควบคุมฝูงชน กองบัญชาการตำรวจนครบาล สาธิตทดสอบการยิงแก๊สน้ำตา ที่ใช้ในการควบคุมสถานการณ์ชุมนุมทางการเมือง โดยจำลองการยิงด้วยปืนแก๊สน้ำตาระยะ 100 เมตร ด้วยแนงวิถีโค้งมากกว่า 30 องศา เพื่อให้ตกในพื้นที่เป้าหมายหวังผล หลังมีการเผยแพร่ข่าวปลอมผ่านทางสื่อโซเชียลว่า ผู้ชุมนุมถูกกระสุนแก๊สน้ำตาเข้าที่ใบหน้า จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริง
พ.ต.ท.ศรายุทธ อรุณฉาย รองผู้บังคับการควบคุมฝูงชน 1 เปิดเผยว่า มุมที่ทดสอบ เป็นมุมที่เจ้าหน้าที่ใช้ยิงโดยปกติในการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชน แสดงให้เห็นว่า ตัวปลอกกระสุนที่เป็นโลหะ จะยังคงค้างอยู่ในลำกล้องปืน ไม่สามารถลอยไปทำอันตรายกับผู้ชุมนุมได้
ส่วนที่ลอยออกไป มีเพียงส่วนที่เป็นตัวกระบอกบรรจุแก๊สน้ำตา ที่ทำจากพลาสติกสีน้ำเงิน ภายในบรรจุสารแก๊สน้ำตา สามารถลุกไหม้ได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่ชนิดระเบิดเหมือนที่เคยใช้ในการสลายการชุมนุมเมื่อปี 2551 ดังนั้นชนิดที่ใช้ในปัจจุบัน จึงไม่เป็นอันตราย
อีกทั้งการยิงแก๊สน้ำตาของเจ้าหน้าที่ ยิงเพื่อให้ควันยับยั้งการคุกคาม ไม่มีการยิงใส่ตัวผู้ชุมนุม แต่ยอมรับว่า บางครั้งทิศทางลม มีผลต่อวิถีของแก๊สน้ำตา ทำให้ไม่ตกในจุดเป้าหมาย และอาจโดนผู้ชุมนุมได้เช่นกัน ส่วนตัวเคยโดนแก๊สน้ำตากระแทกเข้าที่ศีรษะ แต่ก็ไม่ได้รับบาดแผลใดๆ มีเพียงรอยช้ำแดงเท่านั้น
นอกจากนี้ปืนยิงแก๊สน้ำตา เป็นลำกล้องที่ใช้กับกระสุนแก๊สน้ำตาขนาด 38 มม.และลำกล้องไม่มีเกลียว ทำให้ไม่สามารถใช้คู่กับกระสุน หรือระเบิดชนิดอื่นได้ เพราะมีขนาดใหญ่กว่าตั้งแต่ 40 มม.ขึ้นไป
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยืนยันว่า แก๊สน้ำตาที่ใช้ในปัจจุบันมี 2 ชนิด คือ ชนิดขว้างระยะใกล้ และชนิดยิงระยะไกล ทั้งหมดผ่านการอนุมัติจากมติคณะรัฐมนตรี ไม่ทำอันตรายต่อประชาชน