svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

เตือนข่าวปลอม แอบอ้างใช้ชื่อธ.ออมสิน

รองโฆษกตร.เตือนข่าวปลอม เพจ"กู้ง่ายกู้เร็วทันใจ" แอบอ้างใช้ชื่อและตราสัญลักษณ์ ธนาคารออมสินโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้หลงเชื่อจำนวนมาก ยอมชำระค่าเอกสาร-ค่าอนุมัติสินเชื่อ ขณะที่ทางธนาคารแจ้งความเอาผิดแล้ว ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

วันที่ 14 สิงหาคม 2564  พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันจากศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตรวจพบข่าวปลอมเพิ่มเติม 1 กรณีคือ กรณี เพจเฟซบุ๊กและไลน์ชื่อ กู้ง่ายกู้เร็วทันใจ เป็นของธนาคารออมสิน นั้น ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ตรวจสอบกับ ธนาคารออมสิน กระทรวงการคลัง ยืนยันว่าเป็นข้อมูลเท็จ

เตือนข่าวปลอม แอบอ้างใช้ชื่อธ.ออมสิน

 

โดยทางฝ่ายสื่อสารองค์กร ธนาคารออมสิน กระทรวงการคลัง ได้ตรวจสอบแล้วพบว่าเพจ “กู้ง่ายกู้เร็วทันใจ” แอบอ้างใช้ชื่อของธนาคารออมสินและใช้ตราสัญลักษณ์ โลโก้ธนาคารออมสิน โดยไม่ได้รับอนุญาตไปทำการประชาสัมพันธ์ว่าให้กู้เงิน โดยต้องชำระค่าเอกสารและค่าอนุมัติสินเชื่อด้วยการโอนเงินก่อน จนมีผู้หลงเชื่อและทำให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของประชาชน และเกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงของธนาคารออมสิน

 

อย่างไรก็ตามธนาคารได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายกับเฟซบุ๊กและไลน์ “กู้ง่ายกู้เร็วทันใจ”เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ธนาคารออมสินไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าวใดๆ ธนาคารเปิดให้บริการเงินกู้ผ่านช่องทางแอพพลิเคชัน MyMo เท่านั้น และไม่มีนโยบายในการปล่อยเงินกู้ผ่านแอพพลิเคชันไลน์หรือเพจทั่วไป และไม่มีการให้โอนเงินค่าเอกสารหรือค่าอนุมัติสินเชื่อใดๆ ทั้งสิ้น

 

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากธนาคารออมสิน กระทรวงการคลัง สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.gsb.or.th เฟซบุ๊ก GSB society หรือโทร 1115

 

รองโฆษกตร. กล่าวว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป