svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

No Time To Die ต้องทำเงินพันล้านดอลลาร์ เพื่อที่จะไม่ขาดทุน

12 สิงหาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ภาพยนตร์เรื่องใหม่ล่าสุดของ เจมส์ บอนด์ ต้องทำรายได้อย่างน้อย 1,000 ล้านดอลลาร์ เมื่อเข้าฉายเพียงเพื่อที่จะเสมอตัว จากการเลื่อนฉายมานานเกือบสองปี ทำให้หนังต้องแบกรับต้นทุนดอกเบี้ยที่มากขึ้น

หลังจากที่เลื่อนฉายมานานเกือบสองปี No Time To Die มีกำหนดจะเข้าฉายในโรงหนังวันที่ 30 กันยายนนี้แล้วที่อังกฤษ และจะเข้าฉายทั่วโลกวันที่ 8 ตุลาคม แต่การเลื่อนฉายเป็นเวลานานทำให้หนังต้องแบกรับต้นทุนในเรื่องของดอกเบี้ยที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และมีการคำนวนว่าหนังต้องทำรายได้จากการเข้าฉายทั่วโลกให้ได้อย่างน้อย 1,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 33,000 ล้านบาท แค่เพื่อไม่ให้หนังขาดทุน

ทุนสร้างหนัง No Time To Die ตอนแรกอยู่ที่ 250 ล้านดอลลาร์ แต่พอหนังเลื่อนฉายจึงต้องมีดอกเบี้ยเพิ่มเข้าไป ยิ่งหนังเลื่อนฉายนานเท่าไร ดอกเบี้ยก็ยิ่งทบต้นทุนมากขึ้นเท่านั้น กลายเป็นหนังมีต้นทุนบานไปที่ 314 ล้านดอลลาร์ และหากรวมค่าการตลาดก่อนหนังเข้าฉาย ก็จะทำให้ต้นทุนเพิ่มไปที่ 464 ล้านดอลลาร์

 

No Time To Die จึงต้องทำรายได้รวมทั่วโลกให้ถึง 1,000 ล้านดอลลาร์จึงจะเสมอตัว ไม่ขาดทุน เพราะว่ารายได้จากค่าตั๋วหนัง จะแบ่งกันคนละครึ่งระหว่างโรงหนังกับค่ายหนัง ดังนั้นหาก No Time To Die จะไม่ขาดทุน หมายความว่าหนังจะต้องทำรายได้จากการเข้าฉายโรงหนังให้ถึงเกือบๆ 1,000 ล้านดอลลาร์

หากเป็นสถานการณ์ปกติ ไม่มีโควิด ที่คนออกไปดูหนังกันเต็มโรงได้แบบเต็มที่ หนังเจมส์ บอนด์ ก็จะทำรายได้ทั่วโลกประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์อยู่แล้ว แต่ว่าตอนนี้สถานการณ์ที่ไม่ปกติ ทำให้หลายประเทศทั่วโลกยังมีมาตรการล็อกดาวน์ ปิดโรงหนัง หรือจำกัดจำนวนคน จึงมีความเสี่ยงอยู่สูงที่ No Time To Die จะทำรายได้ไม่ถึงเป้า จึงต้องเอาใจช่วย เจมส์ บอนด์ กันหน่อย ว่าจะทำรายได้มากขนาดไหน เมื่อหนังเข้าฉาย

logoline