วันที่ 10 สิงหาคม พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันจากศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ว่ามีการตรวจพบข่าวปลอมเพิ่มเติม 1 กรณี คือ
กรณีเอกสารแถลงการณ์ของสถานทูตเมียนมาร์ในประเทศไทย ต่อเหตุการณ์ชุมนุมประท้วง นั้น ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ตรวจสอบกับ กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่าเป็นข่าวปลอม
โดยกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ได้ตรวจสอบเอกสารดังกล่าวและได้รับการยืนยันจากทั้งสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง และสถานเอกอัครราชทูตเมียนมาร์ประจำประเทศไทย ว่าสถานเอกอัครราชทูตเมียนมาร์ไม่ได้ออกเอกสารแถลงการณ์ดังกล่าว และเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารปลอม
ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกกระทรวงการต่างประเทศ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.mfa.go.th หรือโทร. 02-203-5000
รองโฆษกตร. กล่าวว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป
//////
โดยกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ได้ตรวจสอบเอกสารดังกล่าวและได้รับการยืนยันจากทั้งสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง และสถานเอกอัครราชทูตเมียนมาร์ประจำประเทศไทย ว่าสถานเอกอัครราชทูตเมียนมาร์ไม่ได้ออกเอกสารแถลงการณ์ดังกล่าว และเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารปลอม
ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกกระทรวงการต่างประเทศ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.mfa.go.th หรือโทร. 02-203-5000
รองโฆษกตร. กล่าวว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป