4 สิงหาคม 2564 คริสซิน่า ซิมานุสกาย่า นักกรีฑาสาวทีมชาติเบลารุส ได้ขึ้นเครื่องบินรอบเช้าออกจากโตเกียวแล้ว โดยมุ่งหน้าไปยังนครเวียนนา ประเทศโปแลนด์ จากเดิมที่มีจุดหมายอยู่ที่กรุงวอร์ซอ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนเมืองปลายทางในนาทีสุดท้ายด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย จากความร่วมมือทางการทูตของโปแลนด์
สำหรับเหตุการณ์ขอลี้ภัยทางการเมืองระหว่างการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ เริ่มต้นขึ้นเมื่อ ซิมานุสกาย่า ปฏิเสธการส่งตัวกลับในวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา หลังขัดขืนคำสั่งไม่ยอมลงแข่งวิ่งผลัด 4x400 เมตร ซึ่งผลจากการขัดคำสั่งทำให้เธอถูกบังคับส่งตัวไปสนามบินฮาเนดะอย่างไม่เต็มใจ อีกทั้งเจ้าตัวยังหวั่นเกรงว่าการกลับประเทศของเธอในคราวนี้จะจบลงด้วยการส่งตรงไปจำคุก นำไปสู่การร้องขอความคุ้มครองจากตำรวจสนามบิน แล้วยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือจากสถานทูตโปแลนด์เพื่อขอวีซ่าในฐานะผู้ลี้ภัย
ซิมานุสกาย่า กล่าวว่า นี่ไม่ใช่การทรยศประเทศชาติแต่เป็นปัญหาที่เกิดกับทางทีมโอลิมปิกของเบลารุสเอง ขณะที่ทางการเบลารุสออกมาชี้แจงว่าเธอมีปัญหาทางด้านสภาพอารมณ์ อย่างไรก็ตามในการให้สัมภาษณ์กับ BBC เธอยืนยันว่าตัวเองไม่ได้มีอาการทางจิต และไม่ได้มีปัญหาจนต้องปรึกษาแพทย์เลยตลอดเวลาที่อยู่ในหมู่บ้านนักกีฬา พร้อมกล่าวปิดท้ายว่าเธอจะยังคงไม่กลับไปเบลารุส อย่างน้อยก็ในเร็วๆนี้
สำหรับความวุ่นวายทางการเมืองเบลารุส เริ่มต้นมาจากเหตุการณ์เลือกตั้งที่ประธานาธิบดี อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก้ ได้คะแนนเสียงไปเกือบ 80% แต่ผลการเลือกตั้งดังกล่าวถูกสงสัยว่ามีการทุจริต เป็นเหตุนำมาสู่การประท้วงและจลาจลครั้งใหญ่ ทางตำรวจใช้กำลังเข้าปราบปรามจนมีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุมไปอีกราว 6,700 คน
เช่นเดียวกับผู้นำฝ่ายค้านที่ต้องลี้ภัยออกนอกประเทศ , นักเคลื่อนไหวทางการเมืองหญิงที่ถูกอุ้มหายไม่ทราบชะตากรรม , ไปจนส่งเครื่องบินขับไล่จี้ประกบเครื่องบินโดยสาร เพียงเพื่อต้องการสกัดจับนักข่าวฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเพียงคนเดียว ทำให้สหภาพยุโรป (อียู) ประกาศให้สายการบินเลี่ยงการผ่านน่านฟ้า รวมถึงประกาศคว่ำบาตรเบลารุสตามไปด้วย
และล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมามีรายงานว่า วิตาลี ชีชอฟ หัวหน้ากลุ่มลักลอบพาชาวเบลารุสออกจากประเทศ ซึ่งหายตัวไปตั้งแต่วันจันทร์ ถูกพบเป็นศพภายในประเทศยูเครน