“วิชา”ซัดกรมที่ดิน เตะถ่วงเพิกถอนโฉนดเขากระโดง

4 สิงหาคม 2564 ศ.พิเศษ วิชา มหาคุณ อดีตคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีที่ดินรถไฟเขากระโดง จ.บุรีรัมย์  เปิดเผย “เนชั่นออนไลน์” ว่า ตอนที่ผมเป็นประธาน พบปัญหาเยอะมาก จากกรมที่ดิน เพราะเขาไม่ยอมเพิกถอนโฉนด แถมยังมีคนมีอำนาจที่ครอบครองโฉนดที่ดินที่ออกโดยมิชอบ ขายต่อให้นอมินี แล้วยุให้ฟ้องการรถไฟฯ ซึ่งก็แพ้อย่างไม่เป็นท่า แต่เป็นวิธีถ่วงเวลา ให้กรมที่ดิน ทำหน้าซื่อไม่ยอมเพิกถอนจนบัดนี้

ศ.พิเศษ วิชา บอกว่า กรณีที่กรมที่ดิน ไม่ยอมเพิกถอนโฉนด 2 แปลงเพราะเท่ากับว่ากรมฯ เป็นผู้ออกโฉนดโดยมิชอบเสียเอง จึงโยนให้คณะกรรมการระดับจังหวัด ที่มีผู้ว่าฯ เป็นประธาน ซึ่งเราต่างทราบดีว่าจังหวัดนั้นนักการเมืองใครคุม 

สำหรับกรณีนำเรื่องที่ดินรถไฟเขากระโดง ไปเทียบเคียงคดีที่ดินอัลไพน์ นั้น ศ.พิเศษ วิชา บอว่า สาเหตุที่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ทำผิดขณะนั้น อธิบดีกรมที่ดิน ให้เพิกถอนเพิกถอนรายการจดทะเบียนโอนที่ดินยายเนื่อม ชำนาญชาติศักดิ์ดา ที่มูลนิธิมหามงกุฎฯ ขายที่ดิน 2 แปลงให้กับบริษัท อัลไพน์ เรียลเอสเตท จำกัด กับบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด จึงมีคนยื่นอุทธรณ์

ต่อมานายยงยุทธ เลื่อนขั้นจากอธิบดีกรมที่ดิน มาเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และมาดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการอุทธรณ์ และในคณะกรรมการฯ นายยงยุทธ เห็นว่า ที่ดินยายเนื่อม ไม่ใช่ที่ธรณีสงฆ์ โดยอ้างตามมาตรา 84 และ 85 รวมถึงการอ้าง ‘กฎหมายพิเศษ’ ที่ยกเว้นจากหลักการที่ดินอื่นในเชิงพาณิชย์

นายยงยุทธ ในฐานะประธานคณะกรรมการฯชุดนี้ ต้องส่งเรื่องให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยพิจารณา ทว่าปลัดกระทรวงมหาดไทยขณะนั้น คือ นายชนะศักดิ์ ยุวบูรณ์ ปฏิเสธไม่ยอมสั่งคดีอัลไพน์ และยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง ทำให้ต้องเลือกบุคคลขึ้นมารักษาการ ซึ่ง รมว.มหาดไทย ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ได้เลือกนายยงยุทธ ในฐานะรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ขึ้นมารักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทย ทั้งที่ นายยงยุทธ มีอาวุโสลำดับที่ 3 จากทั้งหมด 7 ลำดับ ก่อนที่จะส่งเรื่องให้กรมที่ดิน เพื่อเพิกถอนคำสั่งของกรมที่ดิน ที่ให้เพิกถอนที่ดินทั้ง 2 แปลงดังกล่าวในที่สุด

พฤติกรรมเหล่านี้เลยเข้าตารัฐบาลทักษิณ ให้รักษาการปลัดมหาดไทย ในที่สุดจึงได้บำเหน็จรางวัล ได้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ เป็นร.ม.ว.มหาดไทย สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และถูกศาลคดีทุจริตพิพากษาจำคุก 2 ปีในที่สุด

กรณีที่ดินอัลไพน์ ในเวลานั้น มีชื่อหมอบุญ เป็นส่วนหนึ่ง เพราะหมอบุญ ก็คือ ประธานบริหารบริษัทอัลไพน์ เรียลเอสเตท ที่มีทั้งเสนาะ เทียนทอง อุไรวรรณ เทียนทอง ชูชีพ หาญสวัสดิ์ พงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล ร่วมเป็นกรรมการและถือหุ้นในบริษัทอัลไพน์ฯ

หมอบุญ แถลงต่อสื่อ ยอมรับว่า เป็นหนึ่งในคนที่ร่วมเจรจาซื้อขายที่ดินอัลไพน์ จากวัดธรรมมิการามวรวิหาร จากนั้นนำที่ดินมาทำสนามกอล์ฟ และหมู่บ้านอัลไพน์ และตั้งบริษัท ราชธานีบ้านและที่ดิน จำกัด เพื่อบริหารหมู่บ้านอัลไพน์ ส่วนสนามกอล์ฟอัลไพน์ เป็นของเสนาะ ก่อนที่จะขายให้ทักษิณ ชินวัตร จนกลายเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต เกิดคดีความมากมาย

 

กรณีของที่ดินอัลไพน์ แสดงให้เห็นถึงความไม่ธรรมดาและคอนเน็คชั่นทางการเมือง ของหมอบุญ กับคนในฝ่ายเพื่อไทย ทั้งทักษิณ เสี่ยเพ้ง พงษ์ศักดิ์ และเสนาะ 

และเป็นหมอบุญ ผู้กล้าออกมาสั่งสอนรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จนสะเทือนเก้าอี้นายกรัฐมนตรี อยู่ในเวลานี้