ทำให้ชาวเน็ตพากันติดแฮชแท็ก #Save บังซา ที่นอกจากความไม่เป็นธรรมกรณีถูกห้ามไม่ให้ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่อาสาภายใน รพ.สนามบุษราคัม จากการนำปัญหาภายในมาเปิดเผยแล้ว ยังมีอาการป่วยที่เจ้าตัวก็ยังสงสัยว่าสุดท้ายตนเองหายจากอาการโควิด-19 หรือยัง ถึงให้ออกจาก รพ.สนาม ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ตรวจหาเชื้ออีกครั้ง ซึ่งก็ไม่มีใครแจ้งว่าให้ตนเองไปอยู่ไหน ส่วนตัว มองว่าถ้าตนเองกลับไปอยู่ที่บ้าน ก็อาจจะกลายเป็นคลัสเตอร์ "บังซา" ก็ได้
ทั้งนี้ บังซา เคยเปิดใจกับสื่อว่า ตนอยู่มา 12 วัน แต่เขาให้ผมออกจากโรงพยาบาลแล้ว ทีนี้ทำไมเขาไม่ตรวจหาเชื้อผมก่อนแล้วค่อยปล่อยตัวออกมา ผมจะได้มั่นใจว่าผมหายจริง ถ้าผมหายไม่จริงล่ะ มันก็เอาเชื้อไปติดคนอื่นเพิ่มอีกที่ผมไลฟ์นั้น ไม่ใช่การประจาน แต่เป็นเพราะต้องการแก้ไขให้มันดีขึ้น คนเป็นพัน วีลแชร์ที่จะเข็นมีแค่ 15 คันเท่านั้น ระบบที่ทันสมัยเรามี แต่คนที่สั่งการได้ไม่มี และรถของหน่วยงานรัฐ พร้อมที่จะย้ายคนมีหรือไม่ ?
ล่าสุด "บังซา" เคลื่อนไหวโดยออกมาโพสต์ขอบคุรผู้บังคับบัญชาที่แสดงความห่วงใยว่า ระบุว่า ขอขอบคุณท่านประธานมูลนิธิร่วมกตัญญู
คุณรัตนา (นคร2)
..ที่ผมเครพ
และเป็นห่วงอาสาและไม่เคยทอดทิ้งอาสา...ผมอ่านแล้วอมยิ้ม
....ท่านเสมอต้นและปลายกับอาสามาตลอด
สำหรับกรณีดรามาบังซานั้น เกิดขึ้นหลัง "บังซา" ซึ่งเป็นอาสากู้ภัยฯ ที่ติดเชื้อโควิด-19 เข้ารับการรักษาที่ รพ.สนามบุษราคัม และเป็นจิตอาสา ได้ออกมาไลฟ์ในช่วงหนึ่งได้สะท้อนถึงระบบการจัดการภายในโรงพยาบาลสนามที่มีช่องว่าง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เขาได้เผยแพร่คลิปวีดีโอท้าให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข เข้ามาดูระบบงานภายในโรงพยาบาลสนาม เพื่อจะได้รู้ว่าเจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์ต้องทำงานหนักแค่ไหน
นอกจากนี้ยังได้เผยภาพและเรื่องราวความเป็นของผู้ป่วย ภาพการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ ไปจนถึงเจ้าหน้าที่อาสาและพลเมืองดี เข้าช่วยกันเคลื่อนร่างผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ออกจากพื้นที่ รพ.บุษราคัม โดยที่มีเพียงชุดป้องกันหรือชุด PPE อยู่เพียงไม่กี่ชุดเท่านั้น และกรณีการเสียชีวิตวันเดียว 8 ศพ ภายใน รพ.สนามบุษราคัม จนเกิดกระแสดราม่าในโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก