
25 กรกฎาคม 2564 ที่ วัดด่านเหนือ ตำบลภูผาหมอก อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดศรีสะเกษ ได้ติดตามความคืบหน้ากรณีที่ โจรชายแดนใจบาป บุกเข้าไปในกุฎิพระครูเจ้าอาวาสวัดด่านเหนือ ก่อนยื้อยุดฉุดกระชากต่อสู้กับพระครู และชิงเอาคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก ไปได้จำนวน 2 เครื่อง เมื่อคืนของวันที่ 22 กรกฎาคม 2564 ซึ่งก่อนหน้านี้สองวัน คือวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 ก็ได้มีโจรมางัดเข้าไปในศาลาวัดขโมยเครื่องขยายเสียงไป แต่ไปไม่รอดต้องทิ้งไว้ที่เมรุของวัด เพราะมีชาวบ้านมาเห็นเหตุการณ์เสียก่อน ต่อมาในวันที่ 21 กรกฎาคม 2564 ก็ได้แอบเข้ามางัดหน้าต่างกุฏิพระครู ฉกเอาเงินของพระครูเจ้าอาวาส ได้เงินไป 12,000 บาท
โดยวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาพบว่าด้านหลังของกุฏิ มีชาวบ้านไปพบเครื่องคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก จำนวนหนึ่งเครื่อง ที่โจรใจบาปทำตกหล่นเอาไว้จึงเก็บมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกับรองเท้าแตะแบบสวมสีดำ จำนวนหนึ่งคู่ตกบริเวณกุฎิดังกล่าว สอบถามชาวบ้านไม่ทราบเป็นของใคร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บไปเป็นหลักฐานด้วยเช่นกัน ขณะที่พระครูแม้ว่ายังหวาดหวั่นอยู่แต่ก็ได้ยืนยัน ขณะที่ต่อสู้กันทางเสียงพูดลักษณะท่าทาง เป็นคนที่พระเอ่ยชื่อออกไปตั้งแต่แรกคือ นายโทน เพราะก่อนหน้านี้ได้มาเป็นพี่เลี้ยงในการบวชเณร ในช่วงเดือนเมษายน 2564 พร้อมกับมาอาสาเป็นโยมอุปัฏฐากพระครูอยู่ที่วัด หลังจากจบโครงการบวชเณรก็ได้ให้กลับไปอยู่บ้าน แต่ยังวนเวียนมาขอเงินอยู่บ่อย ๆ ครั้งละ 200 - 300 บาท ล่าสุดก่อนเกิดเหตุ 10 วัน บุกเข้ามาขอเงินช่วงสี่ทุ่ม แต่พระครูไม่ให้ ซึ่งอาจเป็นชนวนเหตุ มาบุกปล้นวัดถึง 3 วันติดๆ กันในครั้งนี้
พระครู สมุห์ณัฎฐ์ ขันติมโน เจ้าอาวาสวัดด่านเหนือ ได้ยืนยันถึงตัวตนของผู้กระทำผิด ว่า พระครูมีความมั่นใจว่ารู้จักโจรที่ตำรวจกำลังเอาตัวไปสอบสวนอยู่ในขณะนี้ว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริง เพราะว่า ขณะที่ต่อสู้กันทั้งเสียงพูดและเสียงข่มขู่พระ เหมือนกับคนที่เคยมาอุปัฏฐาก ในช่วงบวชเณรภาคฤดูร้อน ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมานี้ คนเคยอยู่ด้วยกัน มาอุปัฏฐากอยู่ตลอดระยะเวลา 1 เดือนเต็ม จะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ซึ่งคนนี้จะมีนิสัยชอบพูดคนเดียวบ้าง บางครั้งอารมณ์ไม่ดีก็จะอาละวาด ใส่เด็ก บางครั้งก็มาขโมยมาม่าปลากระป๋อง หรือแม้กระทั่งข้าวสารขโมยเอากลับบ้านไป ซึ่งเป็นของสามเณรที่บิณฑบาตมาได้
ตอนที่บุกเข้ามาปล้นพระแย่งชิงโน๊ตบุ๊กกันจะมีเสียงพูดของเค้าออกมาพระมั่นใจว่าใช่เขาเลย โดยพระจำได้แม้กระทั่งคำพูดเขาขณะต่อสู้กัน เขาพูดว่า “ หยุด มีของมีค่าอะไรเอามาให้หมด” ในขณะที่มือเค้าก็ถือมีดด้วย ซึ่งพระก็เอ่ยปากขึ้นว่าโยมเป็นใคร ทำไมมาทำแบบนี้ ซึ่งโจรก็ได้ไปหยิบเอาโน๊ตบุ๊กพระก็เข้าไปแย่งจับแขนเขาแต่โจรก็สะบัดจนหลุดก่อนที่จะวิ่งออกประตูกุฎิหลบหนีไป ซึ่งพระได้เดินทางไปพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและให้ข้อมูลไปแล้วว่าเป็นคนที่พระสงสัยคนนี้คนเดียวที่เป็นโจรมาปล้นพระในครั้งนี้
โดย - พงษ์พัฒน์ ไตรพิพัฒน์