svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

จีน สั่งระเบิดเขื่อนบางจุดเพื่อเปลี่ยนทางน้ำและไม่ให้น้ำทะลักลงเหอหนาน

23 กรกฎาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

จีน สั่งระเบิดเขื่อนบางจุดเพื่อเปลี่ยนทางน้ำเพื่อไม่ให้น้ำไหลซ้ำเติม ที่เจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน ขณะนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 33 ราย ประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 1.2 ล้านคน อุตุฯจีน ระบุว่า ฝนจะตกต่อไปอีกจนถึงสุดสัปดาห์ เศรษฐกิจเสียหายแล้ว 6,200 ล้านบาท

เด็ดขาดสั่งระเบิดเขื่อนเปลี่ยนทางน้ำ ไม่ให้น้ำลงไปเติมเหอหนาน

จีน สั่งระเบิดเขื่อนบางจุดเพื่อเปลี่ยนทางน้ำและไม่ให้น้ำทะลักลงเหอหนาน

กลางสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ที่สุดของมณฑลเหอหนานทางภาคกลางของจีน ที่สื่อทุกสำนักรายงานกันว่า “ฝนพันปี” ภาพความเสียหาย ภาพประชาชนดิ้นรนเอาตัวรอดออกจากรถไฟใต้ดินที่ถูกน้ำท่วม ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก ขณะนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ อย่างน้อย 33 คน ประชาชนอีกกว่า 2 แสนคนต้องอพยพจากบ้านเรือน

จีน สั่งระเบิดเขื่อนบางจุดเพื่อเปลี่ยนทางน้ำและไม่ให้น้ำทะลักลงเหอหนาน

อย่างไรก็ตาม เขื่อนกักเก็บน้ำแห่งหนึ่งใกล้เมืองลั่วหยาง ในมณฑลเหอหนานที่ใกล้จะแตกเต็มที่ เพราะรองรับน้ำฝนจำนวนมาก เป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ จนกระทั่ง ทางการจีน ต้องตัดสินใจ ทำลายเขื่อนกักเก็บน้ำแห่งนี้ทิ้งทันที เพื่อระบายมวลน้ำจำนวนมหาศาลออกและเพื่อเปลี่ยนทิศทางการไหลของน้ำไม่ให้ไปซ้ำเติมน้ำท่วมเหอหนาน

จีน สั่งระเบิดเขื่อนบางจุดเพื่อเปลี่ยนทางน้ำและไม่ให้น้ำทะลักลงเหอหนาน

โดยกองทัพจีน ดำเนินการระเบิดเขื่อน เพราะเพียงไม่นานหลังเกิดน้ำท่วมรุนแรงในหลายพื้นที่ของมณฑลเหอหนาน โดยเฉพาะเมืองเจิ้งโจว เมืองเอกของมณฑล ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ประชาชนหลายคนต้องติดอยู่ในระบบรถไฟฟ้า อพาร์ตเมนต์ และอาคารสำนักงานต่างๆ ถนนหลายสายถูกตัดขาด และมีสิทธิ์ที่น้ำจากเขื่อนจะไปกระหน่ำซ้ำอีก นื่องจากสำนักอุตุนิยมวิทยาของจีนรายงานว่า นับตั้งแต่พฤหัสบดี (22 ก.ค.) จะมีฝนตกลงมาซ้ำเติมทั่วเหอหนานติดต่อไปอีก 3 วัน

 

ทั้งนี้ทางการท้องถิ่นจีนระบุว่า มีชาวเมืองกว่า 1.2 ล้านคน ที่ได้รับความเดือดร้อนทั้งในเมืองเจิ้งโจวและทั่วมณฑลเหอหนาน ประชาชนกว่า 2 แสนคน ต้องอพยพ จำนวนนี้กว่าครึ่งเป็นชาวบ้านในเมืองเจิ้งโจว ขณะที่พื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองมีน้ำท่วมสูงถึงกว่า 1.5 เมตร มีผู้ได้รับผลกระทบมากกว่า 3 ล้านคน

จีน สั่งระเบิดเขื่อนบางจุดเพื่อเปลี่ยนทางน้ำและไม่ให้น้ำทะลักลงเหอหนาน

ทุ่มทุกสรรพกำลังช่วยเหลือ

ด้าน สำนักข่าว เอพี รายงานว่า วัดเส้าหลิน (เส้าหลินซื่อ) ซึ่งมีชื่อเสียงไปทั่วโลกในด้านศิลปการป้องกันตัว ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองเจิ้งโจว ก็ไม่รอดพ้นจากเหตุอุทกภัยนี้เช่นกัน แม้ทางการจีน ได้ระดมทีมกู้ภัยเกือบ 8,000 นาย ในการปฏิบัติการช่วยผู้ประสบภัยในเหอหนาน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กำลังทหารจากศูนย์บัญชาการกลางกองทัพจีน ตำรวจและทหารกองหนุนกว่า 5,700 นาย เรือและยานพาหนะถึง 148 ลำ ทีมกู้ภัยรวม 1,800 นาย จากพื้นที่ 7 มณฑล เข้าร่วมปฏิบัติการกู้ภัยและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในมณฑลเหอหนาน

พื้นที่เพาะปลูกเสียหายร่วม 3.5 แสนไร่ ศก.พังแล้ว 6,200 ล้านบาท

ขณะที่ สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานว่า ฝนตกหนัก จนกลายเป็น น้ำท่วมใหญ่รอบ 1,000 ปี กว่า 600 มิลลิเมตรมาตั้งแต่วันจันทร์ (19 ก.ค) รวมแล้วมีชาวบ้านกว่า 2 แสนคนต้องอพยพจากบ้านเรือน  ขณะที่ เมืองซินเซียงมีฝนตกมากเป็นประวัติการณ์ถึง 812 มิลลิเมตรมาตั้งแต่วันอังคาร (20 ก.ค) อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 7 แห่ง มีน้ำล้นทะลัก ชาวบ้านกว่า 4.7 แสนคน พื้นที่เพาะปลูกกว่า 343,750 ไร่ ได้รับผลกระทบ ทางการท้องถิ่นส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยกว่า 7.6 หมื่นคนออกช่วยเหลือ

 

นอกจากนี้ ยังระบุว่า จนถึงขณะนี้ อุทกภัยสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจโดยตรงแก่จีนแล้ว 1,220 ล้านหยวน หรือราว 6,200 ล้านบาท และอาจจะมากกว่าการประเมินในเบื้องต้น

 

ประชาชนโวยรัฐ ไม่พร้อมและปกปิดข้อมูล

เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่นี้ ได้มีเสียงสะท้อนจากภาคประชาชนจีนมากมาย ถึง "ความไม่พร้อม"  ในการรับมือเหตุอุทกภัย โดย ผู้คนต่างแสดงความคิดเห็น พร้อมตั้งคำถาม เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานท้องถิ่น เกี่ยวกับการรับมือเหตุสาธารณภัยและความปลอดภัยของระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน ที่เพิ่งถูกเปิดใช้งานครั้งแรกเมื่อปี 2013 แต่จากเหตุ "ฝนพันปี" พบว่ามีน้ำเข้าท่วมภายในสถานีรถไฟฟ้า รวมถึงขบวนรถไฟฟ้า ผู้โดยสารหลายรายต้องติดอยู่ภายในขบวนรถที่มีระดับน้ำสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

โดยผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตจีน ตั้งคำถามต่อเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจีนว่า เหตุใดจึงไม่มีการแจ้งเตือนหรือสั่งปิดระบบเดินรถไฟฟ้าใต้ดินล่วงหน้าในช่วงที่ฝนตกหนัก มีความเสี่ยงเกิดน้ำท่วม

 

นอกจากนี้ ชาวเมืองหลายคน ยังได้ตอบโต้ข้อความทางอินเตอร์เน็ทด้วย หลังจากมีสื่อรายงานว่า เจ้าหน้าที่สถานีรถไฟฟ้ารายหนึ่งระบุว่า ผู้โดยสารทุกคนได้รับการอพยพแล้ว แต่ในความเป็นจริง ผู้โดยสารหลายสิบคนยังติดอยู่ภายในขบวนรถไฟ เช่น ชายรายหนึ่งวิดีโอคอลคุยกับภรรยาซึ่งเธอยังติดอยู่ในขบวนรถพร้อมระดับน้ำใกล้ถึงคอแล้ว

logoline