นายนิวัติไชย เกษมมงคล โฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่า เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาข้อกล่าวหากรณี เชาวนะ ไตรมาศ อดีตเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เอื้อประโยชน์ให้กับผู้เสนอราคาเกี่ยวกับการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ 281 เครื่องของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ มูลค่ากว่า 13 ล้านบาท เนื่องจากพบว่า มีพฤติการณ์ช่วยล็อกสเปกให้เอกชน เอื้อประโยชน์ให้กับผู้เสนอราคา จึงมีมติชี้มูลความผิด
นอกจากนั้น ยังมีผู้ถูกชี้มูลร่วมทำผิดร่วมด้วย คือ นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ ผอ.ศูนย์เทคโนโลยี และบริษัทเอกชน คู่สัญญา 3 บริษัท ประกอบด้วย ผู้จัดการบริษัท กรรมการบริษัท และผู้เกี่ยวข้องรวมหลายราย
โดยมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 100,000-400,000 บาท
และผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 บัญญัติ ว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542
โฆษก ป.ป.ช. บอกว่า กระบวนการฟ้องต่อศาล ป.ป.ป.ช.มีเวลา 30 วันนับตั้งแต่มีมติ ขณะนี้อยู่ระหว่างการทำสำนวน เพื่อส่งให้อัยการ ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ต่อไป