
11 กรกฎาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อมูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ Watchdog Thailand - WDT ได้โพสต์ข้อความว่า เทศบาลเมืองสุรินทร์ร่วมกับพระในวัด แห่งหนึ่ง อำเภอเมือง จ.สุรินทร์ รอรับพระราชทานพัดยศเจ้าอาวาส ด้วยการจับหมาวัดไปปล่อยบ่อขยะ อ้างมีศูนย์พักพิงที่แท้เป็นแค่คอกล้อมรั้วภายในบริเวณบ่อขยะ แล้วปล่อยหมาหากินกันเอง
WDT ประสาน นายกฤษณุ เหลืองพิบูลกิจ นายอำเภอเมืองสุรินทร์ และ พ.ต.อ.กฤติเดช วิรัชกิจ ผกก.สภ.เมืองสุรินทร์ กำกับดูแลให้ประชาชนแจ้งความเพื่อให้เกิดการสืบสวนสอบสวนเพื่อเปิดอำนาจให้ตำรวจดำเนินการสืบสวนสอบสวน เหตุวันพระราชทานพัดยศเจ้าเอาวาสโดยผู้แทนพระองค์ แล้วมีการจับหมาวัดมากกว่า 25 ตัว พร้อมหมาเด็กดูแลตัวเองไม่ได้ไปปล่อยทิ้งบ่อขยะ ซึ่งสภาพภายในบ่อขยะมีเพียงกรงล้อมและไม่มีหมาอยู่ในนั้น เนื่องจากไม่ได้เป็นสถานพักพิงสัตว์ที่ถูกต้องตามสวัสดิภาพสัตว์
จากการกระทำของเทศบาลในครั้งนี้ ทำให้มีหมาตายเพราะยาสลบสองตัวและหมาที่สลบสะลืมสะลือถูกหิ้วนำไปทิ้งบ่อขยะอีกนับ 20 กว่าตัว รวมหมาเด็กที่ถูกยิงยาสลบด้วยเกือบ 10 ตัว สูญหายสองตัว อีกทั้งในจำนวนหมาที่ถูกยิงยาสลบและจับไปมีหมาท้องแก่ด้วย ซึ่งแน่นอนว่ายาสลบต้องทำให้ลูกในท้องของหมาท้องแก่ต้องตาย ประชาชนต้องรีบเข้าไปเก็บหมาเด็กกลับมาดูแลที่บ้านเพราะกลัวหมาใหญ่กัดตาย จำนวนหมาที่ถูกจับไป ตัวใหญ่ประมาณ 25 ตัว ตัวเล็ก 8 ตัว จำนวนหมาที่เห็นเลยว่าตายทันที 2 ตัว ประชาชนไปนำตัวเล็กจากบ่อขยะกลับมาบ้าน 8 ตัว ข้อสำคัญที่สุดที่น่าสงสัยก็คือ เทศบาลเมืองสุรินทร์ได้มีการกระทำการใช้ยาสลบโดยการควบคุมของสัตวแพทย์หรือไม่ หรือมีการจ้างบริษัทหรือจ้างคนมาจับหมาโดยมิใช่สัตวแพทย์หรือไม่ อันอาจเป็นการกระทำผิดกฎหมายตามพรบ.วิชาชีพการสัตวแพทย์ด้วย จากข้อความที่มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ Watchdog Thailand – WDT ได้โพสต์ไป ก็มีบรรดาผู้เข้ามาเม้นข้อความตอบต่าง ๆ นา ๆ ซึ่งจะเป็นการว่าไปในทางที่ทารุนสัตว์ พร้อมทั้งยังส่งคลิปมาที่เม้นเพิ่มมาอีกด้วย
ล่าสุดวันนี้ทีมข่าวลงพื้นที่วัดดังกล่าว บรรยากาศภายในวัดเงียบ มีพระและเณรพร้อมกับลูกศิษย์ในวัดกำลังทำความสะอาดศาลา พร้อมทั้งพบสุนัขมีปอกคอประมาณ 4 -5 ตัวกำลังหยอกกันที่ศาลา ทีมข่าวจึงได้เข้าไปสอบถามนายศักดิ์(นามสมมุติ)ลูกศิษย์ที่กำลังทำความสะอาด นายศักดิ์ได้เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ไม่ทราบว่าเขาจับสุนัขไปไหนเพราะว่าวันนั้นผมไม่ได้จับด้วย เป็นเจ้าหน้าที่จากเทศบาลเมืองสุรินทร์หรือปศุสัตว์จังหวัดสุรินทร์ ในวัดนี้มีสุนัขเยอะ แต่ละแม่ก็เพาะลูกประมาณกว่า 10 ตัว เขาจับกันก่อนวันงานหลวงพ่อ ผมก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยว เพราะมีเจ้าหน้าที่มาจัดการ ไม่ทราบว่าเขานำหมาไปไหน ต้องถามเจ้าหน้าที่ เพราะว่าเป็นคำสั่งของหลวงพ่อ พระอาจารย์ คือบางทีเสด็จมาหมาแมวอะไรเพ่นพ่านไม่ได้
ด้านนางเพลิน เงางาม อายุ 64 ปี แม่ค้าขายกาแฟโบราณข้างวัดดังกล่าว กล่าวว่า วันนั้นก่อนวันงานหลวงพ่อ ได้ยินเสียงหมาเห่านึกสงสัยว่าทำไมหมามันเห่าอะไรกัน จึงไปแอบดูข้างวัดเห็นหมาวิ่งกันเกลื่อนเลย เห็นคนวิ่งดักกันไปมาเยอะ พากันวิ่งไล่จะจิ้มยาพวกมัน เขาเอารถถอยไปแล้วยกหมาขึ้นหลังรถกระบะไม่รู้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากไหน ทั้งผู้หญิงผู้ชายพากันวิ่งไล่หมาที่เขาจะต้อน ให้หมามารวมกันเขาจะได้ยิง เพราะว่าหมามันตื่น ยายยังบอกในใจว่ายายไม่มีโอกาสได้ช่วยนะลูก ต้อนเสร็จก็ไปยิงในห้องแล้วก็ยกออกมาใส่รถกระบะ ที่จริงไม่สมควรจะทำอย่างนี้ เจ้าหน้าที่และพระร่วมกันทำ ยายทำอะไรไม่ถูกยายสับสนมากทำไมทำกับพวกมันขนาดนี้
“อยากจะ เข้าไปถามเขาว่าทำไมต้องทำกับมันแบบนี้ น่าจะบอกยายไว้ก่อน ปกติยายดูแลน้องหมาที่อยู่ที่วัดดังกล่าวมาตลอด 15 ปี ยายจะให้อาหารวันละ 1 มื้อ ทุกตัวที่อยู่ในวัด ยกเว้นที่พระอาจารย์เลี้ยงไว้ยายไม่ได้ไป จะมีโซนโน้นกับโซนนี้ยายก็จะเข้าไปให้ข้าว พอพูดเรื่องนี้ยายรับไม่ได้ไม่สมควรจะทำอย่างนั้น มันโหดเกิน วันนั้นถ้าพวกยายสองคนไม่ติดตามไป ตัวเล็ก ๆ ตายหมดทั้ง 8 ตัวแน่ พวกเขานำหมาไปไว้ที่กองขยะ ถนนสายสุรินทร์-บุรีรัมย์ ที่ดังกล่าวไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแลเลย มันมีตัวที่ตายหลังอานกับน้องมันคู่กันและตัวเมียที่อยู่กันมา 5-6 ปี กำลังทุรนทุรายอยู่ ยายพูดไม่ออก แล้วตัวเล็ก ๆ ตกอยู่ในน้ำคลองยายกระโดดไปเลย น้ำลึกขนาดเอวรีบอุ้มขึ้นจากน้ำคลอง ถ้ายายไม่ได้ไปเขาก็ตาย เพราะเขาขึ้นไม่ได้มันลึก ยายนอนไม่หลับเพราะยายรับไม่ได้กับการกระทำของเจ้าหน้าที่”นางเพลิน กล่าว
หลังจากนั้น ทีมข่าวได้ไปยังสถานที่พักสัตว์ดังกล่าว ที่เป็นบริเวณที่พักขยะขนาดใหญ่ในตัวเมืองสุรินทร์ เข้าไปด้านในประมาณ100 เมตรพบคอกสัตว์ดังกล่าวสภาพเป็นตะข่ายรั้วเหล็กตีเป็นห้องๆ มีกะละมัง 3-4 ใบวางใส่น้ำอยู่ อีก 2ใบเป็นกะละมังว่างเปล่า ไม่พบสุนัขในคอกดังกล่าว มีแต่สุนัขประมาณ6-7 ตัวเดินไปมาใกล้ๆคอกดังกล่าว และสุนัขเห่ากรรโชกด้วยท่าทีที่ตกใจและกลัว
โดย - วิจิตร ชุณหกิจขจร