
ครูโอปอ (นามสมมุติ) พร้อมด้วย นางสาววัชรภรณ์ วงอินตา ทนายส่วนตัว เข้ายื่นหนังสือพร้อมเอกสารหลักฐานต่างๆ ผ่าน นายกิตินันท์ อินทรกำแหง นิติกรชำนาญการพิเศษสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเชียงใหม่ ไปยัง ดร.สุทธิดล พุทธรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเชียงใหม่ เพื่อให้ตรวจสอบวินัย ครูกอล์ฟ (นามสมมุติ) สามี ซึ่งเป็นครูสอนภาษาไทยโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.สันป่าตอง หลังจากมีพฤติกรรมเชิงชู้สาวกับนักเรียนหญิงวัย 18 ปี ที่เป็นลูกศิษย์
ทนายส่วนตัวครูโอปอ เล่าว่า ก่อนหน้านี้ทั้งสองได้แต่งงานจดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมายจนมีลูกด้วย 1 คนขณะนี้อายุ 4 ขวบ ก่อนหน้านั้นครูกอล์ฟได้สอนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ส่วนครูโอปอสอนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง อ.สันทราย จ.เชียงใหม่เมื่อสองปีก่อนฝ่ายชายได้ย้ายมาสอนหนังสือที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.สันป่าตอง ทำให้ทั้งสองโอกาสได้อยู่ร่วมกัน จนช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาครูโอปอสังเกตเห็นพฤติกรรมแปลกของสามี พยายามจะแยกกันโดยอ้างเหตุผลต่างๆ นานา ทั้งเรื่องภาวะความเสี่ยงแพร่เชื้อโควิดให้กับคนในครอบครัว ครูโอปอจึงตัดสินใจตรวจสอบมือถือของสามีพบว่ามีแชทคุยเชิงชู้สาวกับลูกศิษย์คนดังกล่าว มีการโพสต์ถ่ายรูปคู่กันลงโซเชียล มีการวีดีโอคอลคุยกันและถ่ายคลิบลักษณะเหมือนฝ่ายชายหอมแก้มฝ่ายหญิงคล้ายกับโรงแรมหรือห้องพักส่วนตัวลงแอปพลิเคชั่นต่างๆ ฝ่ายหญิงสาวพยายามพูดคุยให้ครูกอล์ฟให้เลิกกับภรรยาและมาใช้ชีวิตกับตนจึงเก็บข้อมูลมาเรื่อยๆ ก่อนที่จะตัดสินใจสอบถามความจริงกับสามีและพยายามพูดคุยให้เลิกพฤติกรรมดังกล่าวจนมีการทะเลาะกันหลายครั้ง และขอหย่ากับสามีพร้อมเรียกร้องดูแลบุตรและค่าเลี้ยงดูบุตร แต่ถูกบ่ายเบี่ยงมาตลอดจนตัดสินใจฟ้องหย่า นอกจากนี้ยังพบว่าครูกอล์ฟได้นำข้อสอบของตนและของเพื่อนครูส่งให้ลูกศิษย์คนดังกล่าวผ่านแอปพลิเคชั่นสนทนากัน จึงตัดสินใจปรึกษาทนายส่วนตัวยื่นหนังสือให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเชียงใหม่เพื่อสอบวินัยครูกอล์ฟ โดยก่อนหน้านี้ที่ลูกความของตนได้พยายามพูดคุยกับผู้ปกครองเด็กนักเรียนหญิงคนดังกล่าวแต่กลับถูกขู่ฟ้องหมิ่นประมาท
ครูโอปอ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ผ่านมาถือว่าเป็นสิ่งที่กระทบกระเทือนจิตใจของตนมาก เนื่องจากตนมีลูกสาว ที่ผ่านมาพยายามพูดคุยเจรจาอย่างประนีประนอมแต่ถูกบ่ายเบี่ยงตลอด จนส่งผลกระทบกับชีวิตครอบครัวและคิดว่าไม่สามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับลูกในอนาคต ตนยืนยันที่จะหย่าขาดกับสามีอย่างแน่นอน เพราะว่าที่ผ่านมาพยายามที่จะพูดคุยกับเขาและครอบครัว ก็ได้รับคำตอบว่าหากมั่นใจหลักฐานให้ดำเนินการกฎหมายไปได้ ตนจึงตัดสินใจที่จะฟ้องหย่าและดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด