สำหรับข้อความฉฮบับเต็มที่โพสต์ระบุว่า
“จากสถานการณ์บ้านเมืองของเราในช่วงนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างเข้ามากดดัน ทั้งปัญหาปากท้อง การระบาดของโควิด-19 ปัญหาวัคซีนที่ยังไม่ครอบคลุม รวมไปถึงสถานการณ์ระเบิด และเพลิงไหม้ ส่งผลให้ดิฉันเป็นห่วงความรู้สึกและสภาพจิตใจของคนไทย อีกทั้งการบริหารงานของรัฐบาลที่ผิดพลาดสับสน ทำให้อัตราการฆ่าตัวตายของคนไทยเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจค่ะ ในปีที่แล้วอัตราการฆ่าตัวตายต่อประชากร 1 แสนคน สูงถึง 7.37 คน ใกล้เคียงกับช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกในปีนี้
อยากเรียกร้องให้รัฐบาลที่มีหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุขประชาชน หันมาให้ความสนใจกับปัญหาสุขภาพจิตคนไทยให้มากขึ้น รัฐบาลต้องวางตัวจากการเป็นผู้มีอำนาจแล้วลองไปนั่งในหัวใจประชาชน เพื่อจะได้สัมผัสถึงความเดือดร้อนของพวกเขาว่าหนักหนาสาหัสเพียงไหน
รัฐบาลต้องมีนโยบายเชิงรุกเช่น เก็บ และสร้างฐานข้อมูลสุขภาพจิตของคนไทยเพื่อค้นหากลุ่มเสี่ยง เช่น แรงงานที่ตกงาน บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ที่ต้องปิดกิจการ ซึ่งล้วนมีวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป การมีฐานข้อมูลที่ชัดเจน จะทำให้การติดตาม ดูแล เยียวยาทำได้ตรงจุด ซึ่งต้องทำควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจค่ะ”
นอกจากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุว่า
จากสถานการณ์บ้านเมืองของเราในช่วงนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างเข้ามากดดัน ทั้งปัญหาปากท้อง การระบาดของโควิด-19 ปัญหาวัคซีนที่ยังไม่ครอบคลุม รวมไปถึงสถานการณ์ระเบิด และเพลิงไหม้ ส่งผลให้ดิฉันเป็นห่วงความรู้สึกและสภาพจิตใจของคนไทย”
การมีฐานข้อมูลที่ชัดเจน จะทำให้การติดตาม ดูแล เยียวยาทำได้ตรงจุด ซึ่งต้องทำควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจค่ะ
“ดิฉันขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านที่กำลังผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากนี้ ให้มีพลังลุกขึ้นมาเผชิญกับทุกปัญหาอย่างมีความหวัง และขอให้ทุกคนช่วยกันดูแลจิตใจคนรอบข้าง มอบรอยยิ้มและกำลังใจให้แก่กันและกัน อย่าเพิ่งท้อนะคะ”