svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

กรรมการแพทยสภาจี้นายกฯฉีด "ไฟเซอร์" ให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า

05 กรกฎาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

กรรมการแพทยสภา ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ตัดสินใจฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับบุคลากรทางการแพทย์เป็นเข็มที่ 3 เพราะป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูงสุดที่จะได้รับเชื้อ รวมทั้งเป็นบุคลากรที่มีความสำคัญสูงมีภาระหน้าที่ในการดูแลผู้ป่วยทั้งหมด

ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.อำนาจ กุสลานันท์ กรรมการแพทยสภา อดีตนายกแพทยสภา โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า 

 

“เรียน นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ตามที่ประเทศไทยจะได้รับวัคซีนไฟเซอร์จำนวน 1.5 ล้านโดสในเดือนกค.-สค. 64 มานั้น ผมทราบมาว่ามติที่ประชุมของคณะกรรมการที่พิจารณาเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 30 มิย.64 ได้มีผู้เสนอให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าที่ได้วัคซีนซิโนแวคสองเข็มไปแล้วระยะหนึ่งได้รับวัคซีนนี้ แต่ต่อมาที่ประชุมมีมติไม่ให้วัคซีนดังกล่าวแก่บุคลากรทางการแพทย์ ผมมีความเห็นว่าแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า เป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูงสุดที่จะได้รับเชื้อรวมทั้งเป็นบุคลากรที่มีความสำคัญสูงมากในขณะนี้ที่มีภาระหน้าที่ในการดูแลผู้ป่วยทั้งหมด

 

ถ้าหากกำลังคนที่สำคัญในภาวะวิกฤตินี้ติดเชื้อจะซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายยิ่งขึ้นไปอีก เพราะการที่คนใดคนหนึ่งในกลุ่มบุคลากรที่กำลังทำหน้าที่เพื่อชดเชยอัตรากำลังคนที่ขาดแคลนอย่างที่สุดในตอนนี้ติดเชื้อจะทำให้มีบุคลากรที่เกี่ยวข้องต้องถูกกักตัวเนื่องจากเป็นผู้ความเสี่ยงสูงอีกจำนวนมาก ดังที่ได้มีการประกาศปิดห้องฉุกเฉิน ห้องผ่าตัด ห้องคลอด หรือทั้งโรงพยาบาลมาเป็นระยะ ๆทำให้ผู้ป่วยและประชาชน มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีกทั้งจากโควิดและภาวะฉุกเฉินอื่นๆ

 

ดังนั้น การป้องกันการติดเชื้อในบุคลากรกลุ่มนี้จึงมีความสำคัญสูงสุดและจำเป็นเร่งด่วนเพื่อประคองให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปให้ได้ จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาให้ฉีดวัคซีนดังกล่าวแก่แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าที่ดูแลผู้ป่วยด้วยครับ”

 

 

อย่างไรก็ตาม โพสต์ดังกล่าว สืบเนื่องมาจาก เนื้อหาบันทึกการประชุมของหน่วยงานหนึ่งของกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว ได้มีการอธิบายถึงประสิทธิภาพของวัคซีนไฟเซอร์ในหลากหลายมิติ รวมถึงผลข้างเคียงที่จะเกิดกับการฉีดเข็มแรกมากกว่าเข็มที่ 2 ดดยผลข้างเคียงจะเกิดขึ้นภายใน 2-3 วัน และเกิดกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง 

 

ส่วนวิธีการฉีดวัคซีน จะแบ่งเป็น 2 ครั้ง ระยะห่าง 3 สัปดาห์ ต้องเก็บรักษาในอุณภูมิ -90 ไปถึง -60 องศาเซลเซียส ซึ่งหากเป็นอุณหภูมิระดับนี้ จะสามารถเก็บรักษาวัคซีนไว้ได้นานถึง 6 เดือน แต่หากเก็บไว้ที่อุณหูมิระหว่าง 2 ถึง 8 องศาเซลเซียส จะเก็บไว้ได้เพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น 

 

ส่วนการฉีดและกระจายวัคซีนไฟเซอร์ มีการหารือแบ่งกลุ่มเป้าหมายออกเป็น 3 กลุ่ม 3 ทางเลือก คือ กลุ่มแรก เป็นกลุ่มบุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปี แต่ต่ำกว่า 18 ปี / กลุ่มที่สอง คือ กลุ่มเสี่ยงที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ได้แก่ ผู้สูงอายุ, ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ / และกลุ่มที่สาม คือ บุคลากรด่านหน้า เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และเป็นการฉีดเข็ม 3 เพราะบุคลากรด่านหน้ามีความเสี่ยงสูง และต้องทำงานใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด ประกอบกับที่ผ่านมา มีบุคลากรที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มไปแล้ว แต่ยังติดเชื้ออยู่ โดยข้อเสนอการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้กับบุคลากรด่านหน้า มีหลายเสียงให้การสนับสนุน 

 

สุดท้ายที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้กระจายวัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 1.5 ล้านโดส ให้กับกลุ่มเสี่ยงที่เป็นผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป รวมถึงหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป แต่จะต้องอยู่ในพื้นที่เสี่ยงที่มีการระบาดรุนแรง ซึ่งขณะนี้คือ พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่อลดการป่วยรุนแรงและการเสียชีวิต แต่ยังไม่มีการฉีดให้กับกลุ่มบุคลากรด่านหน้า เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าเรื่งการฉีดวัคซีน mRNA เข็มที่ 3 เพื่อการกระตุ้นภูมิ 

 

 

เป็นที่น่าสังเกตว่า ในที่ประชุมมีการคัดค้านการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งเป็นวัคซีน mRNA ให้บุคลากรด่านหน้า โดยอ้างเหตุผลว่า จะเท่ากับกระทรวงสาธารณสุขยอมรับว่า วัคซีนซิโนแฝวค ไม่มีผลต่อการป้องกัน "แล้วจะแก้ตัวยากมากขึ้น"

logoline