svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

"สัณหพจน์" คิกออฟ รับซื้อ "พริกเขียว" เกษตรกรลุ่มน้ำปากพนัง

ส.ส.พปชร. เปิด 3 จุดรับซื้อ "พริกเขียว" จากพี่น้องเกษตรกรพื้นที่ 6 อำเภอลุ่มน้ำปากพนัง จ.นครศรีฯ ตามนโยบายของ รมช.เกษตร โดยประสานร่วมหน่วยงานจังหวัด พร้อมลงทะเบียนผลิตเกษตรกรแต่ละราย เพื่อรับเงินช่วยเหลือจากกรมการค้าภายใน

นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.เขต 2 จ.นครศรีธรรมราช และรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ 4 จุดรับซื้อพริกขี้หนูพันธุ์ดวงมณี หรือ "พริกเขียวหัวไทร"  บริเวณ สหกรณ์การเกษตรหัวไทร จำกัด ,หอประชุมหมู่ที่ 4 ต.แหลม อ.หัวไทร ,อบต.ไสหมาก อ.เชียรใหญ่ โดยมี นายสุชีพ คงตุก กำนันต.แหลม อ.หัวไทร ,นายเอกนัฐ  สุทธิชล ผู้จัดการ สหกรณ์การเกษตรหัวไทร  จำกัด , นายวีระ ศักดิ์  เขียวพะวงค์ ประธานกรรมการสหกรณ์การเกษตรหัวไทร จำกัด และนายอนันต์ ถนอมสิน นายก อบต.ไสหมาก ร่วมให้การสนับสนุนพื้นที่

"สัณหพจน์" คิกออฟ รับซื้อ "พริกเขียว" เกษตรกรลุ่มน้ำปากพนัง

"สัณหพจน์" คิกออฟ รับซื้อ "พริกเขียว" เกษตรกรลุ่มน้ำปากพนัง

นายสัณหพจน์ กล่าวว่า การเปิดรับซื้อ "พริกเขียว" โดยตรงจากเกษตรกรในพื้นที่ อ.หัวไทร ,อ.เชียรใหญ่ ,อ.ปากพนัง ,อ.เฉลิมพระเกียรติ ,อ.ชะอวด และบางส่วนของอ.เมืองนครศรีฯ โดยร่วมกับ ร.ต.อ.อรุณ สวัสดี ส.ส.เขต 4 จ.สงขลา ในครั้งนี้ เป็นไปตามมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องเกษตรกรพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งในวันแรกมีการรับซื้อจากเกษตรกรแล้วจำนวน 30 ตัน ในราคา ก.ก.ละ 11 บาท
ทั้งนี้ตนได้ดำเนินการประสานพ่อค้ารับซื้อ "พริกเขียว" จากเกษตรกรแล้วจำนวน 25 ตัน ในราคากก.ละ 11 บาท (วันที่ 8 พ.ค.64) โดยจะเปิดรับซื้อเป็นเวลา 4 วัน มีราคารับซื้อคือ วันที่ 8 พ.ค. ราคากก.ละ 11 บาท ,9 พ.ค. ราคากก.ละ 12 บาท ,วันที่ 10 พ.ค. ราคากก.ละ 13 บาท , วันที่ 11 พ.ค. ราคากก.ละ14 บาท 
สำหรับในวันนี้ (9 พ.ค.64) จะมีการปรับจุดรับซื้อในเหลือเพียง 2 จุด คือ บริเวณ สหกรณ์การเกษตรหัวไทร จำกัด และอบต.ไสหมาก เพื่อสะดวกต่อการคัดเลือกผลผลิต และคุณภาพให้ตรงตามมาตรฐานการส่งออกไปยังประเทศมาเลเซีย

"สัณหพจน์" คิกออฟ รับซื้อ "พริกเขียว" เกษตรกรลุ่มน้ำปากพนัง


"สัณหพจน์" คิกออฟ รับซื้อ "พริกเขียว" เกษตรกรลุ่มน้ำปากพนัง


โดยคุณภาพของพริกที่รับซื้อ จะต้อง 1. เปียกชื้นจากน้ำ หรือน้ำฝน 2.พริกต้องไม่เป็นโรคกุ้งแห้ง 3.พริกต้องมีความเขียวเกิน 90% โดยมีพริกแดงผสมไม่เกิน 10% 4. พริกต้องไม่เน่าเสีย 5.ต้องเป็นเกษตรกรจริง และมีบัตรประจำตัวให้ตรวจสอบ 6.เกษตรกรต้องคัดแยกผลผลิตใส่ถุงพลาสติกใส ขนาด 20x30 เพื่อง่ายต่อการตรวจสอบ (ถุงบรรจุสามารถเบิกได้ที่จุดรับซื้อ) บรรจุถุงละ 8 กก.
ขณะเดียวกันตนได้ประสานหน่วยงานจังหวัดทั้งเกษตรจังหวัด พาณิชย์จังหวัด เพื่อขึ้นทะเทียนจำนวนผลผลิตของเกษตรที่รับซื้อแล้ว เพื่อให้กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ สนับสนุนงบประมาณช่วยเหลืออีก กก.ละ 5 บาท ตามมาตรการของกรมการค้าภายใน ซึ่งจากข้อมูลจะมีการจ่ายส่วนต่างราคา 5 บาทให้กับเกษตรกรภายในเวลา 3 วันทำการ
อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าว เป็นการแก้ไขปัญหาในระยะสั้น โดยขณะนี้ตนได้ประสาน องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) เพื่อร่วมวางแผนระยะยาว ในการเพิ่มมูลค่าผลผลิตให้กับเกษตรกร เช่น การจัดตั้งห้องเย็นเพื่อเก็บรักษาผลผลิต หรือการแปรรูปผลผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่าต่อไป