วันนี้ (30 เม.ย.) แพทย์หญิงพรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อประจำวันศุกร์ที่ 30 เมษายน 2564 ไทยอยู่ในลำดับที่ 104 ของโลก มีผู้ติดเชื้อยืนยันรายใหม่ จำนวน 1,583 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 1,579 ราย สถานีตำรวจซึ่งมาจากระบบเฝ้าระวังบริการ 1,366 ราย และการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 213 ราย และติดเชื้อจากต่างประเทศ 4 ราย อาการหนัก 871 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 250 ราย รวมยอดผู้ติดเชื้อสะสม 65,153 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 15 คน รวมเสียชีวิต 203 คน
โดยผู้เสียชีวิต 15 คน อยู่ในกรุงเทพฯ 9 คน ชลบุรี พัทลุง สุราษฎร์ธานี นครปฐม ราชบุรีและประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดละ 1 คน ซึ่งเป็นชาย 9 ราย และหญิง 6 ราย ค่าเฉลี่ยอายุที่ 75 ปี ส่วนใหญ่ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ โรคไขมันในเลือดสูง หลอดเลือดในสมอง โรคปอดเรื้อรังโรคไตเรื้อรัง นอนติดเตียงติดบ้าน ส่วนปัจจัยเสี่ยงนั้นเกิดจากการใกล้ชิดสมาชิกในครอบครัวที่ติดเชื้อ สัมผัสผู้ใกล้ชิด ใกล้ชิดเพื่อนร่วมงาน สัมพันธ์ผู้ติดเชื้อในสถานบันเทิง สัมผัสผู้ดูแลผู้ป่วยติดเตียงที่ติดเชื้อและสัมผัสผู้ติดเชื้อ
โดยยอดผู้ติดเชื้อสูงสุดอยู่ในพื้นที่ กรุงเทพฯ 417 ราย สมุทรปราการ 138 ราย ชลบุรี 131 ราย เชียงใหม่ 66 ราย นนทบุรี 50 ราย สมุทรสาคร 48 ราย ระนอง 36 ราย ปทุมธานี 35 ราย สุราษฎร์ธานี 34 ราย
ทั้งนี้ยอดการฉีดวัคซีนในประเทศไทยสะสมแบ่งเป็นฉีดวัคซีนเข็มแรก 1,075,756 เพิ่มขึ้น 160,035 ราย และเข็มที่สองจำนวน 335,858 ราย เพิ่มขึ้น 50,933 ราย
จากนั้น นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 หรือศบค. กล่าวว่า มีรายงานการกระจายของผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ที่มีประวัติเชื่อมโยงกับสถานบันเทิงที่พบใหม่รอบเดือนเมษายน มีจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด 7,755 ราย กรุงเทพมหานคร 6,828 ราย ที่อยู่ต่างจังหวัด 831 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 96 ราย จึงเป็นสาเหตุให้ต้องปิดสถานบันเทิง และไม่แปลกที่เมื่อสงกรานต์เลิก กลุ่มคนเหล่านี้จะเดินทางกลับบ้านและจะแพร่เชื้อในพื้นที่ต่างจังหวัด ต้องการทำการค้นหาเชิงรุกเป็นตัวเลขที่สำคัญซึ่งกรุงเทพฯทำมาโดยตลอด
นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า ทั้งนี้ศูนย์แรกรับและส่งต่อ เจตนาคือคนที่หาเตียงไม่ได้แต่มีอาการป่วยหนัก ต้องได้รับการรักษา จะต้องเข้าไปตรวจซ้ำ เพื่อแยกว่ามีอาการอย่างไร และหากมีอาการหนักมากจะส่งต่อให้ หรือหากเป็นกลุ่มสีเหลืองก็สามารถรับการรักษาได้เลย ซึ่งจะเบ็ดเสร็จในจุดเดียว สามารถโทร 02-079-1000 ที่เอกชนสนับสนุน 40 คู่สาย ทั้งนี้ประชาชนที่รอการแอดมิท สามารถโทรไปที่ศูนย์นี้ได้เลย
สำหรับการลงทะเบียนฉีดวัคซีน ผ่านแอพพลิเคชั่นหมอพร้อม ที่จะเริ่มในวันที่ 1 พ.ค. นพ.ทวีศิลป์ ชี้แจงว่าว่า การลงทะเบียนรับวัคซีนสำหรับกลุ่มเป้าหมายและประชาชนทั่วไปสามารถดำเนินการได้ 3 ระบบ 1. คือการไปแจ้งโรงพยาบาลที่เป็นเจ้าของไข้ 2. หากสุขภาพดีสามารถแจ้งกับอสม. ไว้ได้เลย ว่ายินดีจะเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีน และ3. การลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่นหมอพร้อม ดังนั้นระบบหลักจึงไม่ใช่แค่แอพพิเคชั่นหมอพร้อมและไม่ใช่ว่าจะต้องลงวันที่ 1 พ.ค. วันเดียวแต่สามารถทยอยลงได้ เพราะหากลงพร้อมกันก็อาจจะมีปัญหาเรื่องการรองรับของระบบ
นอกจากนี้ ยืนยันว่าการขอให้งดการเดินทาง เป็นเรื่องที่สำคัญและเป็นการกำหนดกลุ่มเป้าหมายไม่ใช่การห้ามการเดินทาง จึงขอยืนยันว่าด่านตรวจไม่ว่าจะเป็นฝ่ายความมั่นคงหรือตำรวจ จะไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนต่อการเดินทาง เพียงแต่ใช้การสอบถาม และขอความร่วมมือหากไม่จำเป็นขอให้เลื่อนการเดินทางไปก่อน
ทั้งนี้นายแพทย์ทวีศิลป์ ระบุว่า ในการออกข้อกำหนดในครั้งนี้ผู้ประกอบการอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งออกข้อกำหนดที่ออกมาได้จากข้อมูลความเป็นจริง ที่ศบค.รับฟังในทุกเสียง ครั้งนี้แตกต่างกว่าทุกครั้ง จึงขอให้ประชาชนอดทน โดยนายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ.ศบค.ได้มอบหมายให้ ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ หรือศบศ. ดูแลผู้ได้รับผลกระทบหลังจากนี้ ซึ่งขอให้ติดตามอีกครั้งว่าจะมีมาตรการอย่างไร