svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

"โฆษกศาล" แจงประกันตัวได้24ชม.ไม่มีวันหยุด ยื่นคำร้องใบเดียว

"โฆษกศาล" แถลงกระบวนการปล่อยชั่วคราว เปิด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด ยื่นคำร้องร้องใบเดียว หากยื่นเเล้วยังไม่ได้ประกันตัวต้องยื่นเหตุผลใหม่ หักล้างคำสั่งได้ ยกตัวอย่าง "บางกลอยโมเดล" ไม่ต้องวางหลักประกัน ให้ผู้ใหญ่บ้านดูแล ไม่ต้องติดกำไลEM

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 64 นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าการขับเคลื่อนนโยบาย 5 ส. คือ เสมอภาค-สมดุล-สร้างสรรค์-ส่งเสริม-ส่วนร่วม ของนางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกาที่ได้ประกาศไว้ภายหลังดำรงตำเเหน่ง ว่า จากนโยบายเป็นเรื่องอำนวยความสะดวก โดยมีจุดมุ่งหมายว่าทำอย่างไรให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิในการขอประกันตัวได้ง่ายขึ้น จะเห็นได้ว่าเรื่องการขอประกันตัว ทางศาลยุติธรรมเราดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2 ปีที่แล้ว ตั้งแต่ครั้ง นายไสลเกษ วัฒนพันธ์ เป็นประธานศาลฎีกา ได้วางนโยบายที่เรียกว่า ลดการคุมขังที่ไม่จำเป็นทุกขั้นตอน การปล่อยชั่วคราวก็คือ การไม่ขังถือเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายนี้ โดยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนได้เข้าถึงโอกาสที่ขอประกันตัวต่อศาลได้มากขึ้นและง่ายขึ้น

"โฆษกศาล" แจงประกันตัวได้24ชม.ไม่มีวันหยุด ยื่นคำร้องใบเดียว



จะเห็นว่าการขอประกันตัวของชาวบ้านที่ตกเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญาตั้งแต่ชั้นตำรวจ ถึงชั้นศาล กฎหมายให้ตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ 48 ชั่วโมง จากนั้นต้องนำตัวมาฝากขังต่อศาลจนกว่าจะฟ้องหรือพิจารณาคดีเสร็จ ฉะนั้นระยะเวลาที่จะถูกคุมขังอยู่ในอำนาจศาลจึงค่อนข้างยาวนาน การปล่อยชั่วคราวหรือประกันตัวในชั้นศาลจึงมีความสำคัญกว่า ที่ผ่านมาการขอประกันตัวของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมมัก ต้องใช้หลักประกันไม่ว่าเงินสด ที่ดิน หรือหลักทรัพย์อื่น แต่พอต้องใช้หลักประกัน ก็ทำให้ชาวบ้านที่ตกเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ไม่มีหลักทรัพย์ กลายเป็นไม่มีโอกาสขอประกันตัว ไม่ใช่ศาลไม่ให้ประกัน แต่เขาไม่ยื่นขอประกัน ฉะนั้นถ้ายังยึดติดกับการใช้หลักทรัพย์ในการขอประกันตัว คนกลุ่มนี้ก็ไม่มีโอกาสใช้สิทธิขอประกันตัว จุดนี้จึงเป็นโจทย์ว่าจะทำอย่างไร ให้การขอประกันตัวง่ายขึ้นและไม่ต้องไปติดยึดกับการใช้หลักประกัน เป็นอุปสรรคของระบบการประกันตัวที่ผ่านมา

เรื่องที่ 2 คือข้อจำกัดเรื่อง "เวลา" ในเมื่อการทำงานมีวันหยุด แต่โอกาสที่ชาวบ้านจะตกเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยและถูกคุมขังในระหว่างการดำเนินคดีอาญาไม่ได้มีวันหยุดด้วย หากถูกจับตัววันเสาร์ก็ถูกคุมขังตั้งแต่วันเสาร์และวันอาทิตย์ ราชการไม่มีใครทำงานศาลก็ปิดทำการ จึงเป็นสุญญากาศเรื่องเวลา นายไสลเกษ ประธานศาลฎีกา ในขณะนั้นจึงมีนโยบายที่เรียกติดปากว่าความยุติธรรมไม่วันหยุด ทุกวันนี้ศาลยุติธรรมเปิดทำการให้ประชาชนสามารถมายื่นขอประกันตัวได้ทุกวันโดยไม่มีวันหยุด แต่ถึงเเม้ไม่มีวันหยุดก็จริง ก็ยังมีเวลาหยุดหลัง 16.30 น. ในตอนกลางคืนศาลปิดยื่นขอประกันไม่ได้แล้ว นางเมทินีประธานศาลฎีกาท่านปัจจุบัน จึงต่อยอดให้มีการยื่นขอประกันตัวอีกอย่างหนึ่ง คือการขอประกันตัวออนไลน์ หลังศาลปิดทำการแล้ว จะเปิดเวลา 18.30 น. จนถึงเช้าก่อน 08.30 น. ดังนั้นจึงเหมือนเปิดให้ประกันตัวตลอด 24 ช.ม.

"โฆษกศาล" แจงประกันตัวได้24ชม.ไม่มีวันหยุด ยื่นคำร้องใบเดียว



ทั้งนี้ต้องทราบก่อนว่าหลักเกณฑ์ของกฎหมายที่ศาลจะให้ประกันตัว หรือไม่ให้ประกันตัว อยู่ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108-108/1 เป็นเกณฑ์ที่ศาลใช้พิจารณาในการปล่อยชั่วคราว ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการให้หรือไม่ให้ประกัน กฎหมายให้ศาลใช้ดุลพินิจตามหลักเกณฑ์ของกฎหมาย ให้ดูความหนักของข้อหา ดูว่าปล่อยไปแล้วจะหลบหนีหรือเปล่า จะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือก่อเหตุอันตรายอย่างอื่นไหม นี่เป็นเกณฑ์ของกฎหมายที่ศาลใช้พิจารณาคำขอประกันทุกเรื่องซึ่งต้องอาศัยข้อมูล

ที่ผ่านมา ยังมีข้อมูลไม่ครบถ้วนสมบูรณ์จึงมีความจำเป็นต้องใช้วิธีให้วางหลักทรัพย์ค้ำประกันเอาไว้ นอกจากนี้ กระบวนการยื่นคำขอประกันจะต้องยื่นคำร้องต่อศาล ต้องกรอกข้อมูลหลายอย่าง ต้องมีเอกสารเช่นภาพถ่าย แผนที่ สำเนาโฉนดที่ดินแนบมาประกอบ ปกติคนยื่นคำร้องขอประกันจะให้ญาติหรือคนรู้จัก ลองนึกภาพว่า ถ้าคนที่ถูกจับมาคนเดียวไม่มีญาติ ไม่มีเพื่อนตามมาด้วย ก็อาจไม่ได้ขอประกันเพราะไม่มีคนมาติดต่อยื่นให้ จะยื่นเองก็ทำไม่เป็น ยิ่งต้องใช้เอกสารอีกเยอะแยะ เผลอๆ ถูกจับมาบัตรประชาชน ยังไม่ได้พกติดตัวมาเลย ชาวบ้านบางคนอาจเขียนหนังสือไม่ถนัด ตอนนี้ทุกศาลจึงมีคำร้องขอประกันที่สามารถเขียนเองง่าย ๆ แค่เขียนชื่อตัวเองหรือพิมพ์ลายนิ้วมือและไม่ต้องแนบเอกสารอะไรมาเลย เราเรียกกันว่าคำร้องใบเดียว ให้ทุกคนยื่นคำขอประกันได้เอง ไม่ต้องรอให้คนอื่นมายื่นให้ก็ได้

ส่วนการประเมินความเสี่ยงว่าผู้ต้องหาจะหนีหรือไม่นั้น มาจาก 3 แหล่งหลัก ๆ คือ 1. ข้อมูลจากฐานข้อมูลของศาลเอง เช่น ประวัติคดีอื่นว่ามีคดีจากที่อื่นหรือไม่ 2.ข้อมูลที่ได้จากการสอบถามตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยเอง เช่น ข้อมูลส่วนตัว ครอบครัว ที่อยู่ อาชีพ 3.ข้อมูลจากแหล่งอื่น เช่น หน่วยงานราชการ ประวัติการคุมประพฤติ หรือถามความเห็นจากผู้นำชุมชน ผู้ใหญ่บ้าน เมื่อได้ข้อมูลแล้ว จึงนำ 3 ส่วนมาประกอบประเมินค่าความเสี่ยงว่าอยู่ในระดับไหน ควรให้ประกันตัวหรือไม่และถ้าจะให้ประกัน จะต้องให้วางหลักประกันหรือไม่ หรือควรมีเงื่อนไขอะไรหรือไม่ แต่ถ้าประเมินความเสี่ยงแล้วไม่มีปัญหาศาลก็ปล่อยได้โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์อะไรมาประกันตัวเลย

อีกเครื่องมือหนึ่งที่ศาลใช้เกี่ยวกับการประกันตัวคือการใช้กำไล EM ซึ่งเป็นขั้นตอนหลังจากที่ประเมินความเสี่ยงแล้ว ผู้ต้องหาหรือจำเลยบางคนหากดูแล้วค่อนข้างที่จะมีความเสี่ยงหรือมีความจำเป็น ศาลอาจกำหนดเงื่อนไขการให้ประกันตัว เพิ่มด้วย ไม่ว่าจะใช้หลักประกันหรือไม่ใช้หลักประกัน เงื่อนไขอื่นที่ศาลอาจกำหนดเพิ่ม เช่น ห้ามออกนอกประเทศ ห้ามไม่ให้เข้าใกล้ หรือเข้าไปในที่อยู่อาศัยของผู้เสียหาย ก็แล้วแต่ความเสี่ยงที่มีขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของแต่ละคน ถ้าจำเป็นต้องกำหนดเงื่อนไขก็ทำได้ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องกำหนด ถ้าเป็นเงื่อนไขเกี่ยวกับการจำกัดเดินทางหรือจำกัดที่อยู่ก็มีเครื่องมือมาสอดส่องว่าทำตามเงื่อนไขหรือไม่ เช่น ให้ปล่อยชั่วคราวแต่วางเงื่อนไขห้ามออกจากบ้านหลังจาก22.00 น.หรือห้ามไม่ให้ไปอยู่ใกล้บ้านผู้เสียหายเพราะเกรงว่าจะไปทำร้ายกันอีก เป็นการวางเงื่อนไขใดที่เกี่ยวกับพื้นที่หรือการเดินทาง สามารถสั่งติดกำไลem เพื่อเฝ้าระวังอีกชั้นหนึ่งได้ด้วย

เรื่องที่ 3.การตั้งผู้กำกับดูแล เป็นมาตรการตามพระราชบัญญัติมาตรการกำกับและติดตามจับกุมผู้หลบหนีการปล่อยตัวชั่วคราวโดยศาล พ.ศ. 2560 บางครั้งการติดEMดูความเคลื่อนไหวผ่านจอมอนิเตอร์อาจสู้การใช้คนสอดส่องดูแลไม่ได้ บางคนศาลให้ประกันไปโดยวางเงื่อนไขให้มารายงานตัวเป็นระยะๆ แต่ก่อนต้องมารายงานตัวที่ศาล เดี๋ยวนี้สามารถสั่งให้ไปรายงานตัวที่ผู้ใหญ่บ้านได้เลย ผู้ใหญ่บ้านยังช่วยสอดส่องดูแลพฤติกรรมได้ด้วยว่าอย่าให้ไปทำอะไรผิด อย่าให้ไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน อันนี้เป็นกลไกของกฎหมายอีกชิ้นหนึ่งที่มีประสิทธิภาพ ถ้าใช้ 3 เครื่องมือนี้แล้วตอบได้ว่าคนนี้สามารถควบคุมความเสี่ยงได้ ก็ให้ประกันตัวไปได้โดยไม่ต้องมีการเรียกเงินหรือหลักประกัน ทั้งหมดนี้คือกลไกการทำงานของการปล่อยชั่วคราวภายใต้นโยบายของนางเมทินี ชโลธรขอยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพก็คือกรณี 22 ชาวบ้านบางกลอยถือว่าเคสนี้ได้ใช้แทบทุกกลไกที่กล่าวมา ทั้ง 22 คนเป็นผู้ต้องหาชั้นสอบสวน ถ้าใช้ระบบเก่าในการประกันตัว ที่การยื่นประกันต้องเขียนคำร้อง มีเอกสารประกอบ บัตรประชาชน สำเนาโฉนด สำเนาบัตรสมุดเงินฝากซึ่งเป็นเอกสารจำนวนมาก ถ้าบางคนไม่มีความรู้เขียนหนังสือไม่ได้ อ่านหนังสือไม่ออกก็ไม่สามารถทำขั้นตอนนี้ก็ไปต่อไม่ได้ ไม่สามารถขอประกันตัวได้ แต่กรณีนี้ศาลจังหวัดเพชรบุรีใช้คำร้องใบเดียวมาบริการให้ คือส่งไปให้ลงชื่อจากที่คุมขังเลยแล้วส่งกลับมาเเละก็มีคำสั่งให้ประกันตัวได้ออกมาในวันเดียวกัน เเละกรณีนี้เป็นการปล่อยตัวในวันหยุดราชการ ก็มีคนสงสัยว่าศาลทำงานวันหยุดด้วยเหรอ เรื่องการให้ประกันตัวในหยุดศาลดำเนินการมาตั้งแต่วันที่1 ม.ค.63 โดยได้รับความร่วมมือจากทางกรมราชทัณฑ์

กรณีของบางกลอย เราก้าวพ้นอุปสรรคในเรื่องเวลาเพราะทำในวันหยุดได้ แต่ลองนึกดูว่าถ้าต้องใช้เงินประกันตัว คนละ 50,000 บาท 22 คนต้องใช้เงินนับล้านบาท เงินมากขนาดนี้ชาวบ้านไม่มีแน่ๆ แต่ศาลจังหวัดเพชรบุรี ให้ประกันตัวทุกคนแบบไม่ต้องใช้หลักประกันแม้แต่บาทเดียว เพียงแค่ให้ทำสัญญาประกันไว้ว่าถ้าคนไหนหลบหนีหรือทำผิดเงื่อนไขค่อยปรับคนนั้น 50,000บาท พร้อมกับวางเงื่อนไขไม่ให้กลับเข้าไปในพื้นที่ในระหว่างพิจารณาคดี ซึ่งตรงนี้น่าจะเป็นเรื่องที่ไม่อยากให้เข้าไปยุ่งกับที่เกิดเหตุชั่วคราวมากกว่า ศาลไม่ได้ห้ามเด็ดขาดหรือถาวร ขอแค่ว่าระหว่างพิจารณาคดีซึ่งคงใช้เวลาไม่นาน อย่าเพิ่งเข้าไปในพื้นที่ เพราะยังโต้แย้งสิทธิกันอยู่ว่าเข้าไปอยู่ได้หรือไม่ ทำนองเดียวกับการวางเงื่อนไขว่าไม่ให้ไปก่อภยันตรายประการอื่น คำว่าภยันตรายตามกฎหมายไม่ได้หมายถึงเฉพาะไป ไปตีไปต่อยไปฆ่าใคร เเต่หมายถึงไปทำซ้ำกับสิ่งที่โต้แย้งกันอยู่หรือที่จะทำให้เกิดปัญหาขึ้น ก็ห้ามไว้ชั่วคราวระหว่างพิจารณาคดี แล้วก็แต่งตั้งผู้ใหญ่บ้านขึ้นมาสอดส่องดูแลให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างเคร่งครัดด้วย ถือว่ากรณีประกันตัวของคนบางกลอยเป็นตัวอย่างที่ใช้เครื่องมือตามกฎหมายเกือบครบ ที่ขาดคือไม่ได้ยื่นขอประกันทางออนไลน์กับไม่ต้องใส่กำไล EM แต่ผลลัพธ์ที่ได้เหมือนกัน เพราะว่าการตั้งคนมาสอดส่องดูเเลกับการติด EM นั้นมีจุดประสงค์เดียวกัน แต่การติด EM ก็เหมือนใส่นาฬิกาติดตัวตลอดเวลามีผลกระทบกับการใช้ชีวิตบ้าง ศาลจึงเลือกใช้วิถีทางที่กระทบสิทธิน้อยที่สุดโดยใช้คนสอดส่องดูแลแทนการติดEM

ทั้งนี้ไม่ได้เน้นว่าต้องเป็นเฉพาะผู้ต้องหาหรือจำเลย ซึ่งเป็นคนที่ถูกกล่าวหาว่าทำความผิด ในส่วนของผู้เสียหายซึ่งเป็นคนถูกทำร้ายถูกกระทำ ศาลก็คุ้มครองอย่างเท่าเทียม ซึ่งศาลยุติธรรมจะต้องสื่อสารไปยังประชาชนให้ทราบถึงสิทธิและวิธีการใช้สิทธิอย่างทั่วถึง โดยขอให้ศาลที่อยู่ในพื้นที่ประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจประชาชนให้ได้มากที่สุด ต้องให้ประชาชนรู้สิทธิ ต่อไปประชาชนมีคดีมาศาลจะขอประกันตัวสามารถบอกเจ้าหน้าที่ได้เลยว่าขอใช้คำร้องใบเดียว ถ้าสื่อสารได้ทั่วถึงน่าจะเป็นประโยชน์อย่างมาก กระบวนการที่กล่าวมาตนยืนยันว่ามีการใช้ในทุกศาลทั่วประเทศแล้ว

"โฆษกศาล" แจงประกันตัวได้24ชม.ไม่มีวันหยุด ยื่นคำร้องใบเดียว

"เรื่องคดีความหรือขั้นตอนของศาล คนที่ไม่ได้มีคดี คงไม่มีใครมาศึกษาหาข้อมูลไว้ก่อนล่วงหน้า เพราะไม่มีใครเตรียมตัวว่าวันหนึ่งจะตกเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลย แต่เมื่อถึงคราวตกเป็นผู้ต้องหาจริงๆแล้ว ก็หาข้อมูลไม่ทัน ทุกคนต้องช่วยกันเผยแพร่เรื่องที่มีประโยชน์เช่นนี้ให้รู้กันอย่างทั่วถึง"นายสุริยัณห์ โฆษกศาลยุติธรรมกล่าว

ทั้งนี้ โฆษกศาลยุติธรรม ยังเปิดเผยถึงสถิติการปล่อยชั่วคราวในคดีอาญาของศาลยุติธรรมด้วยว่า ในปี พ.ศ.2564 ปรากฏข้อมูลสถิติการสั่งคำร้องขอปล่อยชั่วคราวในศาลชั้นต้นทั่วประเทศ ล่าสุดช่วงเดือนมกราคม (วันที่ 1-31 ม.ค.64) ดังนี้ จำนวนคำร้องที่ยื่นพิจารณาทั้งสิ้น 19,550 คดี ศาลมีคำสั่งอนุญาตจำนวน 18,076 คดีคิดเป็นร้อยละ 92.46

ขณะที่สถิติการปล่อยชั่วคราวย้อนหลัง 4 ปี ปรากฏข้อมูลการสั่งคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ดังนี้ ปี 2563 จำนวนคำร้องที่ยื่นพิจารณาทั้งสิ้น 237,875 คดี ศาลมีคำสั่งอนุญาตจำนวน 217,094 คดี คิดเป็นร้อยละ 91.26
ปี 2562 จำนวนคำร้องที่ยื่นพิจารณา ทั้งสิ้น 217,903 คดี ศาลมีคำสั่งอนุญาตจำนวน 200,713 คดี คิดเป็นร้อยละ 92.11
ปี 2561 จำนวนคำร้องที่ยื่นพิจารณา ทั้งสิ้น 235,404 คดี ศาลมีคำสั่งอนุญาตจำนวน 214,444 คดี คิดเป็นร้อยละ 91.10
ปี 2560 จำนวนคำร้องที่ยื่นพิจารณา ทั้งสิ้น 227,687 คดี ศาลมีคำสั่งอนุญาตจำนวน 212,653 คดี คิดเป็นร้อยละ 93.40


โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวย้ำถึงการขอปล่อยชั่วคราวด้วยว่า จากสถิติคดีจึงเห็นได้ว่าศาลยุติธรรมอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวเป็นหลัก จะไม่อนุญาตเฉพาะบางกรณีเท่านั้น แต่ไม่ว่ากรณีใด ๆ หากยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวแล้วศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ผู้ขอประกันยังสามารถใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์คำร้องได้อีก หรือจะยื่นเป็นคำร้องใหม่ก็ได้ แต่ต้องแสดงเหตุผลใหม่ หรือเหตุผลที่จะหักล้างเหตุผลเดิมของศาล ที่จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมให้ได้