svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ข่าว

แม่นอนกราบป้ายโรงพัก ขอความเป็นธรรมให้ลูกถูกข่มขืนตำรวจไม่รับแจ้ง

โซเชียลแชร์คลิปหญิงรายหนึ่งระบุเป็นแม่นอนก้มกราบป้ายสถานีตำรวจภูธรชนบท จังหวัดขอนแก่น หลังเข้าแจ้งความกับตำรวจกรณีลูกสาวถูก"นายปิ๊ก" ลักพาตัวไปข่มขืน แต่ตำรวจไม่รับแจ้งความให้ไปแจ้งความอีกโรงพัก ด้านตำรวจแจงกรณีดังกล่าวชาวบ้านได้เข้าแจ้งความกับอีกโรงพักก่อนหน้านี้ซึ่งมีการดำเนินการไปแล้ว แต่ชาวบ้านเกิดเข้าใจผิด

  14 มีนาคม 64  มีกรณีโลกโซเชียลแชร์คลิปหญิงรายหนึ่งกำลังนอนกราบป้ายโรงพักสถานีตำรวจภูธรชนบท โดยระบุข้อความว่า"ชาวบ้านในจังหวัดขอนแก่นขอความช่วยเหลือ หลังลูกสาวถูกชายลักพาตัวลูกสาวไปข่มขืนกระทำอนาจาร เข้าแจ้งความแต่ตำรวจไม่รับแจ้งโยนไปให้โรงพักที่อยู่ติดกัน พอไปถึงกลับถูกไล่ให้ไปแจ้งโรงพักที่เดินทางมา สุดท้ายทำอะไรไม่ได้นอนกราบป้ายโรงพักร่ำไห้ร้องขอความยุติธรรม"

            ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง สภ.ชนบท จ.ขอนแก่น ซึ่งทางนางยุวะรีย์ งานหมั่น แม่ของนางสาว ช่อภกา งานหมั่น 27 ปี ที่แจ้งความว่าถูกข่มขืน พร้อมญาติๆ ได้เข้าพบกับ พ.ต.ท.ศราวุธ แดนสุข สว.(สอบสวน)สภ.ชนบท โดยทางตำรวจได้พยายามอธิบายให้กับทางแม่ลูกและญาติๆฟังถึงกรณีที่ไม่รับแจ้งความในพื้นที่ว่า สาเหตุที่ไม่รับแจ้งความนั้น เพราะผู้เสียหายได้ไปแจ้งความที่สภ.แวงใหญ่เมื่อวานที่ผ่านมา (12 มี.ค.2564) ทาง สภ.ชนบท จึงได้มีการประสานไปยังทาง สภ.แวงใหญ่แล้ว โดยทาง สภ.แวงใหญ่ จะเป็นผู้ติดตามทำคดีดังกล่าวให้ ซึ่งทางตำรวจ สภ.ชนบทพยายามจะพูดแบบนี้แต่ทางแม่และญาติได้โวยวายก่อนยังไม่ทันได้พูดไปจนเป็นเรื่องเป็นราวดังกล่างเกิดขึ้น ซึ่งทางน้าสาวได้ขอดูการโทรของทางสารวัต ที่ทางญาติๆได้ให้เบอร์ของนายปิ๊กเอาไว้ให้ แต่ทางตำรวจบอกว่าได้โทรจริงและนายปิ๊กไม่รับสาย พร้อมทั้งเผลอลบข้อความไปแล้ว ทำให้ญาติของผู้เสียหายไม่พอใจการทำงานของทางตำรวจ และได้โวยกลางโรงพักถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่ไม่ให้ความยุติธรรมกับครอบครัว ก่อนที่น้าสาวจะกรีดร้องด้วยความโมโหและเสียใจ ออกจากโรงพักไปก่อนจะสลบลงบนถนนหน้าทางเข้าโรงพักประมาณ 5 นาที ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวญาติที่เป็นลมขึ้นรถไปส่งโรงพยาบาลชนบท ซึ่งทราบภายหลังว่าอาการหลุดหนักต้องส่งต่อโรงพยาบาลขอนแก่นในเวลาต่อมา

          น.ส.ช่อภกา งานหมั่น อายุ 27 ปี หญิงที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ชายดังกล่าวบอกว่าจะพาไปกินข้าว ตนเองก็ไปแต่ชายดังกล่าวกลับพาไปที่บ้านแล้วข่มขืน พอค่ำแล้วตนเองอยากให้พากลับบ้าน แต่ชายดังกล่าวบอกว่ามันค่ำแล้วจึงไม่ได้ไปส่ง กระทั่งตำรวจโทรหาชายดังกล่าว และแม่กับน้าตามมาถูกและพากลับบ้าน

แม่นอนกราบป้ายโรงพัก ขอความเป็นธรรมให้ลูกถูกข่มขืนตำรวจไม่รับแจ้ง

 ด้านนางยุวะรีย์ งานหมั่น แม่ของ น.ส.ช่อภกา กล่าวว่า ลูกสาวหายตัวไปเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. วันที่ 12 มี.ค.2564 ที่ผ่านมา ต่อมาประมาณ 18.00 น. ได้เดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.แวงใหญ่ กรณีลูกหาย ทางตำรวจจึงลงบันทึกประจำวันเอาไว้ และบอกว่าจะติดตามหาลูกให้ ต่อมาหลังจากพบลูกสาว ก็ได้พาลูกสาวไปตรวจร่างกายตามที่ตำรวจ สภ.แวงใหญ่บอก แต่เมื่อไปถึงโรงพยาบาลแวงใหญ่ ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลชนบท เพราะเกิดเหตุในเขต อ.ชนบท ไม่สามารถข้ามเขตได้ และวันต่อมาจึงพาลูกสาวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลชนบท โดยหมอบอกว่าจะแจ้งผลในอีก 2 สัปดาห์ ก่อนจะนำใบตรวจร่างกายเบื้องต้นไปแจ้งความที่ สภ.ชนบท แต่ทางตำรวจไม่รับแจ้งความยบอกให้ไปแจ้งความที่ สภ.แวงใหญ่ อีกทั้งทางตำรวจบอกกับตนเองว่า ลูกสาวอายุ 27 ปี บรรลุนิติภาวะแล้ว ส่วนชายที่พาลูกไปนั้นอายุ 39 ปี ในทางคดีต้องเอาอายุ 15ปีขึ้นไป ถึง 18 ปี จึงจะมีความผิด ซึ่งสิ่งที่แม่ต้องการคืออยากดำเนินคดีกับชายดังกล่าวที่ลักพาตัวลูกสาวแม่ไปกระทำการอนาจาร และอยากจะรู้ว่ากรณีนี้ที่ลูกสาวแม่ไม่สมประกอบนั้นไม่สามารถเอาผิดชายดังกล่าวได้ใช่หรือไม่ อยากจะทราบตรงนี้เพื่อขอความเป็นธรรม ซึ่งหลังจากที่ทางตำรวจไม่รับแจ้งความแม่จึงเกิดความเสียใจ ออกมากราบที่หน้าป้ายโรงพักขอความยุติธรรมให้กับลูกสาว ให้กับครอบครัว เพราะไม่รู้จะทำวิธีไหนแล้ว

แม่นอนกราบป้ายโรงพัก ขอความเป็นธรรมให้ลูกถูกข่มขืนตำรวจไม่รับแจ้ง

ขณะที่ นางสุดใจ ครอซ อายุ 46 ปี น้าสาวของ น.ส.ช่อภกา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวานที่ผ่านมาได้พากันเข้าแจ้งความที่ สภ.แวงใหญ่ โดยทางตำรวจได้รับแจ้งความเอาไว้พร้อมกับลงบันทึกประจำวัน ซึ่งทางตำรวจก็ได้ออกใบส่งตัวหลานสาวไปตรวจร่างกายว่าได้ถูกกระทำชำเราหรือไม่ ที่โรงพยาบาลแวงใหญ่ โดยทางโรงพยาบาลแวงใหญ่บอกว่าเป็นการข้ามเขตให้บริการ ต้องพาหลานไปตรวจที่โรงพยาบาลชนบท หรือหากต้องการตรวจที่โรงพยาบาลแวงใหญ่ ให้ไปแจ้งความที่ สภ.ชนบทเท่านั้นและจะได้ประสานงานกันง่ายขึ้น จึงได้พาพี่สาวและหลานมาที่ สภ.ชนบท ตนเองนั้นไปอยู่เมืองนอกนานจึงไม่ค่อยรู้เรื่องกฎหมายของเมืองไทยมากนัก พอมาที่ สภ.ชนบท ทางตำรวจก็แนะนำว่าให้พาตัวหลานสาวไปตรวจร่างกายที่ โรงพยาบาลชนบท พร้อมกับขอบัตรประชาชนพี่สาวเอาไว้ หากตรวจเสร็จให้กลับมาที่โรงพักอีกครั้ง พร้อมกันนี้ตนเองก็ได้มอบเบอร์โทรศัพท์ของนายปิ๊กที่ข่มขืนหลานสาวให้กับตำรวจเอาไว้ด้วย เพื่อให้ตำรวจโทรหานายปิ๊กเอาชื่อ สกุล ที่อยู่ไว้ ซึ่งตำรวจก็รับปากว่าจะโทรหาให้ เพราะตนเองก็มีคลิปคำรับสารภาพจากปาก นายปิ๊ก ว่าร่วมหลับนอนกับหลานสาวและมีอะไรกันจริง พอตรวจร่างกายหลานสาวเสร็จจึงได้เดินทางกลับมาที่ สภ.ชนบทอีกครั้ง เพื่อขอใบลงบันทึกประจำวัน ทางตำรวจบอกว่าให้กลับไปซะ พร้อมกับยื่นบัตรประชาชนให้ แล้วให้ไปที่ สภ.แวงใหญ่ ส่วนตัวไม่อยากมีเรื่องกับตำรวจ อยากจะขอลงบันทึกประจำวันเอาไว้เท่านั้น เพราะทางแวงใหญ่ก็บอกว่ามันข้ามเขตไม่ได้ พี่สาวจึงรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงไปนอนกราบป้ายโรงพักตามคลิปดังกล่าว ซึ่งนอนตากแดดอยู่นานก็ไม่มีตำรวจคนไหนใครเหลียวแลหรือสนใจ ตนเองและครอบครัวไม่คิดจะมีปัญหากับตำรวจแต่อย่างใด แค่อยากขอความยุติธรรมให้กับหลานสาวซึ่งมีอาการทางจิตเท่านั้น ซึ่งตำรวจบอกว่าหลานสาวอายุ 27 ปีแล้ว บรรลุนิติภาวะแล้ว ดำเนินคดีได้ต้องอายุ 15 ปีขึ้นไปและไม่เกิน 18 ปี อยากถามว่าหลานสาวอายุ 27 ปี และมีอาการทางจิตไม่สามารถดำเนินคดีหรือเอาผิดกับผู้ก่อเหตุได้ใช่หรือไม่ สิ่งที่อยากรู้ก็มีเท่านี้ เพราะขนาดคนแก่โดนข่มขืนก็เห็นมีการดำเนินคดีให้ ตอนนี้ตนเองและครอบครัวก็ไม่รู้ว่าถ้ากลับไปที่โรงพักแวงใหญ่ทางตำรวจจะดำเนินคดีให้หรือไม่ หรือต้องกลับไปที่โรงพักชนบทอีก

แม่นอนกราบป้ายโรงพัก ขอความเป็นธรรมให้ลูกถูกข่มขืนตำรวจไม่รับแจ้ง