ชาวบ้านพบพญานาคโผล่-กลางแม่น้ำโขง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าชาวบ้านสวนดอก หมู่ 8 ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ได้พบเห็นพญานาคโผล่ขึ้นมาจากแม่น้ำโขง ขณะกำลังทำสวนริมแม่น้ำพากันแตกตื่น จากการสอบถามพบว่ามีผู้ที่พบเห็นหลายคน โดยแบ่งเป็น 2 ราย โดยรายแรกเป็นครอบครัวของนางสุกัญญา ศรีราลักษ์ อายุ 37 ปี และสามี พร้อมลูกชาย 2 คน และเพื่อนอีก 3 คน อีกรายที่พบ คือ นายเสาร์คำ มิ่งเมือง อายุ 50 ปี ทั้งหมดเป็นชาวบ้านสวนดอก หมู่ 8 ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยได้พบในเวลาใกล้เคียงกันคือประมาณ 14.00-15.00 น.วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา
นางสุกัญญา ศรีราลักษ์ เล่าว่า ได้เห็นพญานาคโผล่หัวขึ้นมากลางแม่น้ำโขง ขณะกำลังรดน้ำสวนผักริมแม่น้ำโขง บ้านสวนดอก เป็นช่วงประมาณ 14.00 น.วันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันพระ แรม 8 ค่ำ เดือน 3 โดยขณะที่กำลังรดน้ำอยู่นั้นได้หันไปเห็นหัวของพญานาคสีเขียวอ่อน เหมือนยอดตองโผล่ขึ้นมาจากแม่น้ำโขงห่างออกจากฝั่งไปประมาณ 10 เมตร ประมาณ 2 วินาทีแล้วก็มุดน้ำหายไป จึงได้หยุดและเรียกลูกๆที่กำลังเล่นน้ำอยู่ขึ้นจากน้ำ แล้วได้ขึ้นไปอยู่ที่เพิงพัก
จากนั้นจึงตั้งสติแล้วอธิษฐานว่าหากเป็นพญานาคจริงขอให้โผล่ขึ้นมาให้เห็นอีกครั้ง จากนั้นผ่านไปประมาณ 30 นาที มีหัวพญานาคโผล่ขึ้นมาอีกครั้งคราวนี้ได้ส่ายหัวไปมาหลายครั้ง ประมาณ 10 วินาทีก่อนจะดำน้ำลงไป ซึ่งเด็กๆ กลัวและบอกว่าหากโผล่ขึ้นมาจากน้ำ หรือเลื้อยขึ้นมาจะวิ่งหนี โดยตนมาอยู่ที่พื้นที่บ้านสวนดอกประมาณ 10 ปี ทำสวนติดแม่น้ำโขงมานานเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก
ด้านนายเสาร์คำ มิ่งเมือง กล่าวว่า ตนได้พบเห็นพญานาค ขณะที่กำลังทำกับดักไปดักสัตว์ เพื่อนำมาเป็นอาหาร ได้หันไปทางแม่น้ำโขงซึ่งในวันนั้นแม่น้ำมีลักษณะเขียวใส สวยงาม น้ำนิ่ง ได้เห็นพญานาคโผล่ออกมาโดยได้เห็นเฉพาะส่วนหัวมีเกล็ดซ่อนกันหลายชั้น สีเขียวเหมือนยอดใบตองอ่อนโดยโผล่ขึ้นมาเป็นเวลาประมาน 10 วินาที แล้วก็หายไป
กระนั้นด้วยความตกใจจึงได้ถอยห่างออกมาจากบริเวณนั้นแล้วได้อธิษฐานว่าหากเป็นพญานาคจริงให้ตนเองถูกหวยรางวัลที่ 1 จากกนั้นได้กลับบ้านโดยไม่กล้าเล่าให้ใครฟังเนื่องจากกลัวว่าจะไม่เชื่อสิ่งที่ตนเองพูด จนกระทั่งได้ยินชาวบ้านลือกันว่านางสุกัญญา พบเช่นกัน ตนจึงได้เล่าให้นางสุกัญญาฟังว่าตนก็เห็นเช่นกัน
ขณะที่นายปกรณ์ สุริวรรณ นายอำเภอเชียงแสน กล่าวว่าไม่ยืนยันว่าสิ่งที่ชาวบ้านพบเห็นนั้นเป็นพญานาคจริงหรือไม่ แต่คิดว่าจะจัดงานบวงสรวงเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับพญานาคและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในบริเวณนี้ เนื่องจากทราบจากคนเก่าแก่ว่าบริเวณนี้เคยมีชาวบ้านพบเห็นพญานาคบ่อยครั้งและยังเป็นเมืองโบราณมาก่อน ซึ่งทั้งหมดเป็นที่ร่ำลือของชาวบ้านในพื้นที่ แต่ที่ผ่านมายังไม่พบว่ามีใครบันทึกภาพไว้ได้
โดยคนเก่าแก่ของหมู่บ้านได้เล่าว่า สมัยปี พ.ศ.2528 ตนและภรรยาได้ไปซักผ้าริมน้ำโขงเคยได้เห็นพญานาคเนื่องจากขณะที่กำลังซักผ้าอยู่นั้น ได้มีเด็กหนุ่มในหมู่บ้านได้เอาไม้ตีงูตายและกำลังนำงูมาโยนทิ้งลงแม่น้ำโขง พอโยนลงไปในน้ำงูตัวนั้นกลับฟื้น และกลายเป็นพญานาค สักพักก็ดำน้ำหายไป ทุกคนในหมู่บ้านจึงมีความเชื่อว่า บริเวณนี้น่าจะมีถ้ำที่พญานาคอาศัยอยู่ ต่อมาได้มีการสร้างศาลบูชาพญานาค ชื่อเจ้าปู่นันตะ และเจ้าย่าแว่นแก้ว เพื่อให้ชาวบ้านที่มีความเชื่อเรื่องพญานาคได้มากราบไหว้สักการะบูชา จนถึงปัจจุบัน