"โค้ชเช" หรือ เช ยอง ซอก หัวหน้าผู้ฝึกสอนเทควันโดทีมชาติไทย เคยตกเป็นข่าวมาครั้งหนึ่ง หลังมีความประสงค์จะเปลี่ยนสัญชาติเป็นไทยมานานกว่า 10 ปี และได้รับการสนับสนุนจากสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทยและทางการไทยก็พร้อมผลักดัน แต่เนื่องจากพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 ซึ่งต้องให้ผู้ขอเปลี่ยนสัญชาติจำเป็นต้องแสดงเจตนาที่จะสละสัญชาติเดิมเมื่อได้รับอนุญาตให้แปลงสัญชาติเป็นไทยแล้ว เช่นเดียวกับ กฎหมายของเกาหลีใต้
ล่าสุด "บิ๊กเอ" ผศ.ดร.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เราคุยกันมานานมากเรื่องการขอสัญชาติไทยของ "โค้ชเช" ซึ่งเดิมมีปัญหาของทางภาครัฐตั้งแต่จำนวนปีไม่เพียงพอ เมื่อทำท่าจะขอได้ "โค้ชเช" ก็ไม่พร้อมเพราะห่วงคุณย่าที่เลี้ยงดูมาตลอด ต้องไปๆ มาๆ ระหว่างไทย-เกาหลีใต้เพื่อกลับไปดูแล
เมื่อไม่นานมานี้ทาง "โค้ชเช" ได้ประสานมาว่า "ตัดสินใจแล้วอยากเป็นคนไทย ผมอยากให้ช่วยเรื่องการเดินเอกสารต้องปรึกษาทนายความในการทำเรื่องส่งเข้ากระทรวงมหาดไทย"ซึ่งตนฟังแล้วก็ดีใจที่ได้ยินเขาให้เหตุผลว่า ตอนที่ไทยได้เหรียญทองโอลิมปิกแล้วรู้สึกอยากเป็นคนไทย อยากเป็นโค้ชไทยที่พาได้เหรียญโอลิมปิกเป็นความต้องการของเขา ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับวงการเทควันโดและทางสมาคมฯ จะเร่งดำเนินการประสานงานกับภาครัฐ เพื่อให้ทุกอย่างเสร็จทันโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ญี่ปุ่นในเดือนสิงหาคม ปี 2564 นี้
ทางด้าน "โค้ชเช" เช ยอง ซอก ได้เปิดใจว่า...
ตอนแรกตนเองก็คิดหนัก แต่เวลานี้ครอบครัวที่เกาหลีเข้าใจแล้ว ตนหมดห่วงเรื่องคุณย่าแล้วเพราะท่านได้เสียชีวิตไปแล้ว ทำให้ผมตัดสินใจได้ซึ่งสิ่งที่สำคัญผมอยู่เมืองไทยเกือบ 20 ปี แล้วอยากสร้างชีวิตที่ไทย ครอบครัวตนอยู่ที่นี่ลูกชายอยู่ที่นี่ก็มีความสุข เวลานี้นักกีฬา ลูกศิษย์ก็เหมือนลูกชาย-ลูกสาวของตนเมื่อเป็นคนไทยแล้วก็ช่วยเหลือพัฒนาเทควันโดในไทย "ผมตัดสินใจแล้วครับ ผมอยากได้สัญชาติไทยผมอยากเป็นคนไทยแล้ว ผมอยากใด้เหรียญทองให้ที่ประเทศไทยไม่ใช่คนเป็นคนเกาหลีที่พานักกีฬาไทยคว้าเหรียญทองโอลิมปิก"