
1 กุมภาพันธ์ 2564 ที่หอประชุมมูลนิธิหลักเสียงเซี่ยงตึ๊ง สว่างเตตาธรรมสถานนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา จัดให้มีการเสวนา โคราชต้องรอด .. โคราชจะสดใส หากเราร่วมใจอุดหนุนกัน ซึ่งเป็นกิจกรรมในโครงการ โคราชรุ่งเรืองคนทั้งเมืองอุดหนุนกัน มีตัวแทนหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน รวมกว่า 100 คน เข้าร่วมกิจกรรม
โดยนายผดุง จตุรภักดิ์ ประธานมูลนิธินักข่าวนครราชสีมา ในฐานะผู้ประสานงานโครงการโคราชรุ่งเรืองคนทั้งเมืองอุดหนุนกัน เปิดเผยว่า วันนี้ได้เปิดเวทีให้ตัวแทนหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนมาขับเคลื่อนร่วมกัน มีผู้ประกอบการให้ความสนใจเข้าร่วมเสวนาเป็นจำนวนมาก ซึ่งข้อสรุปเบื้องต้นในที่ประชุมวันนี้มีความเห็นร่วมกันว่า จะใช้ตัวเลข 32 ซึ่งเป็นเลขจำนวนอำเภอทั้ง 32 อำเภอของจังหวัดนครราชสีมา มาเป็นตัวเลขมงคลขับเคลื่อนโครงการฯ โดยผู้ประกอบการแต่ละราย จะนำไปใช้ในการกระตุ้นลูกค้าได้อย่างไร เป้าหมายของโครงการคือ ให้คนโคราชใช้จ่ายสนับสนุนกิจกรรมหรือซื้อสินค้าของคนโคราชด้วยกันเองมากขึ้น เพื่อช่วยให้เกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงินในพื้นที่ โดยถ้าประชากรใน 32 อำเภอ ประมาณ 2 ล้านกว่า และประชากรแฝงอีกว่า 1 ล้านคน ออกมาใช้เงินแค่วันละ 100 บาท ก็จะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนเป็นร้อยล้านบาท จะช่วยบรรเทาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจช่วงโควิด-19 ระบาดของพื้นที่ได้ในระดับหนึ่ง
ทั้งนี้ ในที่ประชุมฯ มีหลายรายเสนอเรื่องการใช้แอพพลิเคชั่น โดยสร้างแอพฯ ขึ้นมาเอง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ รวมทั้ง มีการเสนอให้ตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่ง เป็นตัวแทนคนในจังหวัดฯ ไปพบกับบริษัทผู้ประกอบการรายใหญ่ หารือว่าทำอย่างไรจะมีส่วนให้การสนับสนุนช่วยเหลือคนโคราชได้บ้าง แต่หัวใจหลักของโครงการก็คือ ต้องการให้ผู้ประกอบการทั้งหมดและคนโคราช เห็นความสำคัญของโครงการฯ แล้วลุกขึ้นมาร่วมมือกัน ทำเพื่อส่วนรวม เพื่อให้เกิดกระแสเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในเมืองโคราช
ด้านนางนภาพร มั่นสัตย์รักสกุล ผู้ประกอบการร้าน "ผู้หญิงขายหอย" ซึ่งเปิดอยู่ที่ตลาด 100 ปีเมืองย่า ถ.มุขมนตรี ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา กล่าวว่า หลังจากมาร่วมหารือในครั้งนี้ บอกว่า เป็นโครงการที่ดีสำหรับคนโคราชทุกภาคส่วน และเชื่อว่า คนโคราชแทบทุกคนอยากจะเข้าร่วม แต่ในส่วนของพ่อค้าแม่ค้าที่ต้องทำมาค้าขาย นอกจากจะต้องมีเงินมาเป็นทุนซื้ออาหารมาขายแล้ว ยังมีภาระเรื่องค่าใช้จ่ายอื่นๆอีก
โดยเฉพาะเรื่องค่าเช่าที่สำหรับขายอาหาร เพราะตั้งแต่โควิดระบาด เศรษฐกิจก็ซบเซา ลูกค้าลดลงอย่างมาก ยกตัวอย่างในแต่ละวัน คน 100 คน มาซื้ออาหารที่ร้านแทบไม่ถึง 20 คน ดังนั้น ถ้าจะช่วยให้ได้ผลจริงๆ ต้องเจาะลึกไปดูบริบทของแต่ละกลุ่มด้วย โดยหากมีการปรับลดค่าเช่าที่หรือค่าเช่าแผงลงได้ ก็เชื่อว่า พ่อค้าแม่ค้ายินดีเดินหน้าตามโครงการฯ ได้อย่างแน่นอน แต่ถ้ายังต้องแบกภาระค่าเช่าที่ที่ยังสูงอยู่เหมือนเดิม จะให้ลดราคาอาหารลง หรือจัดโปรโมชั่นให้เหลือแค่เมนูละ 32 บาท ก็คงไม่ไหว ดังนั้น อยากให้ช่วยพิจารณาหาแนวทางช่วยเหลือให้รอบด้านด้วย