สิ่งแรกที่ทำให้คนในธุรกิจการพนันไม่เกรงกลัวต่อกฏหมาย ก็คือบทลงโทษที่เบามาก เช่น ตัวนักพนัน หากเป็นบ่อนการพนันเล็กๆเมื่อถูกจับกุมก็จะโดนปรับ และรอลงอาญา จึงทำให้นักพนันไม่กลัวหากจะถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้แถมเจ้าของบ่อนยังให้ลูกน้องไปประกันตัวออกมา มีการดูแลนักพนันเป็นอย่างดีแต่หากเป็นการจับกุมบ่อนขนาดใหญ่ เป็นข่าวโด่งดัง นักพนันอาจจะติดคุกจริงไม่กี่วันจากนั้นก็จะมีทีมงานของบ่อนไปช่วยประกันตัวออกมา เมื่อคดีถึงศาล ก็สั่งรอลงอาญาเพราะตามกฎหมายถือเป็นความผิดเพียงเล็กน้อย และสุดท้ายเรื่องก็เงียบหายไป
ถัดมาคือ "ขบวนการนอมินี" ในธุรกิจบ่อนการพนัน ซึ่ง"เจ้าของบ่อนตัวจริง" จะทำหน้าที่คอยบงการอยู่เบื้องหลังทั้งหมดไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวทั้งสถานที่ การรับเป็นเจ้ามือ ไม่แตะแม้แต่เงินที่มีการได้เสียในบ่อน แต่จะจ้างคนดูแล คอยตรวจสอบทุกอย่างไม่เว้นแม้กระทั่งมือปืนคอยจัดการปัญหาภายในบ่อน (เหมือนบ่อนพระราม 3)
ส่วนผู้ดูแล จะทำหน้าที่จัดหน้าสถานที่ในการตั้งบ่อนการพนันโดยจะทำสัญญาเช่ากับเจ้าของบ้าน เจ้าของอาคาร เจ้าของโกดังและจะใช้วิธีการทำสัญญาเช่าสถานที่แห่งนั้น เพื่อตัดปัญหาให้กับเจ้าของสถานที่โดยใช้สัญญาเช่ามาเป็นหลักฐาน (เจ้าของจริงๆ ไม่เกี่ยว เพราะเป็นการเช่าผู้เช่าซึ่งเป็นคนของบ่อน พร้อมรับผิดแทน)
นอกจากนี้ ผู้ดูแลจะหาเจ้ามือ หน้าเสื่อ หรือพนักงานส่วนอื่นๆที่ทำหน้าที่ภายในบ่อน ซึ่งเปรียบเสมือน "มดงาน"ที่ทำงานให้กับเจ้าของธุรกิจบ่อนพนัน แต่หากถูกเจ้าหน้าที่จับกุม บรรดามดงานทั้งเจ้ามือ หน้าเสื่อ หรือพนักงานส่วนอื่น ก็จะแสดงตัวว่าเป็นผู้กระทำความผิดและรับโทษตามบทกฏหมาย โดยรับสารภาพทั้งหมด ไม่ซัดทอดใครทั้งสิ้นและคนเหล่านี้จะไม่รู้สึกกังวลอะไร ยอมรับผิดอย่างหน้าชื่นตาบานเพราะทั้งตัวเองและครอบครัวได้รับการดูแลอย่างดีจากเจ้าของบ่อนพนันพร้อมดูแลค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่าง
หากจะพิจารณาเรื่องการนำ "กฎหมายฟอกเงิน"มาใช้ตรวจสอบเส้นทางเงิน เพื่อสาวไปให้ถึงตัวเจ้าของบ่อน ก็มีอุปสรรค เพราะแม้"การจัดให้มีการเล่นการพนัน" จะเป็น "ความผิดมูลฐาน"ตามกฎหมายฟอกเงิน แต่กฎหมายก็กำหนดเพดานขั้นต่ำว่าต้องมีวงเงินในการกระทำความผิดตั้งแต่5 ล้านบาทขึ้นไป
จุดนี้เองที่ทำให้บ่อนการพนัน ไม่ว่าบ่อนเล็กหรือใหญ่ จะให้แลกชิพเล่นไม่ให้ใช้เงินสด เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบวงเงินหมุนเวียนภายในบ่อนที่แท้จริง
ทนายความผู้เชี่ยวชาญท่านนี้ ยังบอกอีกว่า แม้นายกรัฐมนตรีจะมีคำสั่งตั้ง"คณะกรรมการปราบปรามบ่อนพนัน" ขึ้นมา เพื่อหวังปราบบ่อนให้สิ้นซาก /แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องขึ้นอยู่กับต้นธารของกระบวนการยุติธรรม ก็คือ"เจ้าหน้าที่ตำรวจ"ว่าจะมีความจริงจังในการปราบปรามหรือสืบหาบ่อนการพนันมากแค่ไหน เพราะอย่างที่คนไทยรู้กันดีอยู่แล้วว่าสินบนที่บ่อนพนันเหล่านี้จ่ายให้เจ้าหน้าที่รัฐ หรือที่เรียกกันว่า"ส่วย" หรือ "ค่าน้ำร้อนน้ำชา" นั้น มีมากมายขนาดไหน
ฉะนั้น ทนายชื่อดังจึงมองว่า หากมีการปราบปรามขึ้นมาก็คงเป็นแค่ไฟไหม้ฟาง พอข่าวเงียบไป ทุกอย่างก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
ที่ผ่านมาเคยมีคดีจับกุมบ่อนการพนัน และจับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ พบว่ามีนายหน้าไปหาคนเร่ร่อนมารับผิดแทน แลกกับเงินประมาณ 3 ถึง 5 พันบาทการติดคุกแทนแบบนี้ ตำรวจจะทำสำนวนฟ้องคนที่มารับจ้างติดคุกแทนให้เป็นผู้ต้องหาตัวจริงมีการระบุชื่อ นามสกุล และตำหนิรูปพรรณ แล้วนำคนเหล่านั้นส่งฟ้องศาลจริงๆถูกลงโทษจริง และติดคุกจริง บางทีก็ไปรับจ้างกันบริเวณใต้ถุนศาลก็ยังมี เรียกว่าพวก "ตีนโรงตีนศาล" นี่ก็เป็นอีกรูปแบบที่หนึ่ง