การแก้ปัญหาทุจริตคงไม่ใช่รัฐทำฝ่ายเดียวทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันด้วยทั้งผู้ให้ ผู้รับ ผู้อำนวยความสะดวก สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นการสมยอมกัน ต้องช่วยกันให้ข่าวให้ข้อมูลมากที่สุดจะได้จับกุมได้ถูกต้อง
รายงานข่าวระบุว่า ที่ประชุม ศบค.ได้หารือกันเรื่องโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โดยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬาได้รายงานความคืบหน้าของโครงการ และหารือในที่ประชุมว่าโครงการนี้ยังเหลือระยะที่ 2 ที่จะเปิดให้จองห้องพักเพิ่มอีก 1 ล้านห้องโดยรัฐบาลโดยอาจจะไม่ได้ให้ส่วนลดค่าห้องแล้ว แต่จะสนับสนุนคูปองอาหารและท่องเที่ยว 600 - 900 บาท ซึ่งยังคงรอกำหนดวันที่เหมาะสมที่จะให้ประชาชนลงทะเบียน แต่ขณะนี้ยังชะลอออกไปก่อนเนื่องจากมีการทุจริตในโครงการระยะแรกอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และตรวจดูธุรกรรมรายการต่างๆว่ามีการทุจริตหรือไม่
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้สั่งการเด็ดขาดในที่ประชุม ศบค.ว่าโครงการเราเที่ยวด้วยกันที่พบว่ามีการทุจริตให้มีการดำเนินการอย่างเด็ดขาด หากพบว่ารายใดมีการดำเนินการทุจริตให้ดำเนินการเอาผิดอย่างจริงจังเช่นการขึ้นบัญชีดำผู้ประกอบการ ไม่ให้มาเข้าร่วมโครงการอีก เพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างจะได้ไม่มีการทุจริตในโครงการอีก หลังจากการประชุมแล้วเสร็จนายกรัฐมนตรียังได้หารือต่อกับ พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับการดำเนินคดีโครงการเราเที่ยวด้วยกันว่าขั้นตอนการดำเนินการทางกฎหมายจะเป็นอย่างไร สามารถเร่งรัดดำเนินการได้เป็นอย่างไรบ้างเพราะเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญและเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเมื่อมีการทุจริตเกิดขึ้นอยากให้มีการเร่งรัดดำเนินการเอาผิดโดยเร็ว
การทุจริตเป็นเรื่องที่ทำให้นายกรัฐมนตรีโกรธอย่างมาก โดยนายกฯบอกว่าโครงการนี้ทำขึ้นก็เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ โรงแรม และร้านค้าโดยที่ได้รับความเดือดร้อนและผลกระทบจากโควิด-19 มากซึ่งได้มาขอให้รัฐบาลช่วย ซึ่งรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีก็พยายามช่วยเหลือหางบประมาณและหาโครงการมาให้ สุดท้ายมีการทุจริตกันเป็นขบวนการทำให้นายกรัฐมนตรีบอกว่าให้ดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาดเพราะถือว่าทำร้ายทั้งประเทศและธุรกิจตัวเอง