
โจ ไบเดน เคยดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47 ระหว่าง พ.ศ. 2552 ถึง 2560 เป็นสมาชิกวุฒิสภาจากรัฐเดลาแวร์ 7 สมัยติดต่อกันระหว่าง พ.ศ. 2515 ถึง 2552 สังกัดพรรคเดโมแครต
เขาเกิดที่เมืองสแครนตัน ในรัฐเพนซิลเวเนีย และอาศัยอยู่ที่เมืองนี้จนอายุได้ 10 ขวบ จึงได้ย้ายมาอยู่ที่เมืองเดลาแวร์ จวบจนปัจจุบันประกอบอาชีพเป็นทนายความตั้งแต่ปี 2512 และได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในคณะลูกขุนเมื่อปี 2513
ประวัติทางด้านการศึกษา
ไบเดน จบปริญญาตรี สาขารัฐศาสตร์และประวัติศาสตร์ ม.เดลาแวร์ (พ.ศ.2508) และ นิติศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต ม.ซีราคิวส์ รัฐนิวยอร์ก (พ.ศ. 2511)
ประวัติด้านอาชีพ
2511-2512 : ทนายความในเมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์
2513-2515 : สมาชิกสภาเทศมณฑลนิวคาสเซิล รัฐเดลาแวร์
2516-2552 : ได้รับเลือกตั้งเป็นส.ว.รัฐเดลาแวร์ สมัยแรกปี 2516 และชนะเลือกตั้งส.ว.อีก 6 สมัย
2530-2548 : รับตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการยุติธรรมวุฒิสภา
2544-2546 และ 2550-2552: รับตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศวุฒิสภา
2552-2560 : ได้รับเลือกตั้งเป็นรองประธานาธิบดี คนที่ 47 ในสมัย บารัก โอบามา
2562-2563 : ได้รับเลือกเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
เดือนพฤศจิกายน 2563
โจ ไบเดน กำลังรอลุ้นผล ที่จะได้เป็นประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐหรือไม่ ต้องมาร่วมลุ้นผลคะแนนอย่างเป็นทางการกันต่อไป
โจ ไบเดน เข้ารับตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาครั้งแรกในปี 2515 โดยการเลือกตั้งทำให้กลายเป็น สมาชิกวุฒิสภาที่อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับ 5 ที่ได้เข้ามารับตำแหน่งในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐจากนั้น เขาก็ชนะการเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2521, 2527, 2533, 2539 และ 2545 นับว่าเป็น สมาชิกวุฒิสภาที่ครองตำแหน่งมานานที่สุดเป็นอันดับ 6 ในประวัติศาสตร์อีกด้วย
.
โจ ไบเดน เป็นสมาชิกของคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ต่างประเทศมายาวนาน จนเป็นประธานของคณะกรรมการชุดนี้ ศิลปะการเจรจาของเขา เคยนำมาซึ่งความช่วยเหลือทางการทหารของสหรัฐและการเข้าแทรกแซงในสงครามบอสเนีย เขาออกเสียงสนับสนุนนโยบายการแก้ปัญหาสงครามอิรัก แต่ต่อมาได้ประกาศจุดยืนว่าอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์ดังกล่าว
นอกจากนั้น โจ ไบเดน ยังได้ดำรงตำแหน่งประธานของคณะกรรมาธิการศาลยุติธรรม สำหรับสมาชิกวุฒิสภาอีกด้วย โดยมีส่วนในเรื่องของยาเสพติด อาชญากรรม การป้องกันภัย และสิทธิพลเมืองและยังเป็นแกนนำในการเสนอกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาชญากรรมการใช้ความรุนแรงและการบีบบังคับและกฎหมายว่าด้วยการคุกคามสตรี
โจ ไบเดน เคยลงสมัครชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคเดโมแครต เพื่อเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2531 และ 2551 แต่ไม่ประสบความสำเร็จทั้งสองครั้ง แต่ในปี 2551 บารัก โอบามา ผู้สมัครที่ได้ตำแหน่งตัวแทนพรรคเดโมแครตตัดสินใจเลือก ไบเดน เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเป็นคู่สมัครในการเลือกตั้งค.ศ. 2551 นี้และได้รับเลือกตั้งเป็นรองประธานาธิบดี
ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2558 ไบเดน เคยประกาศว่า เขาจะไม่ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ พ.ศ. 2559 ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2560 นอกจากนี้ ไบเดน ยังเคยได้รับรางวัลเกียรติยศเหรียญอิสรภาพประธานาธิบดีจากประธานาธิบดีโอบามา
ต่อมา ไบเดน ประกาศที่จะลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐใน พ.ศ. 2563 เมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2562 ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2563 เขามีคุณสมบัติตามเกณฑ์จากคณะผู้ออกเสียง 1,991 คน ที่จำเป็นเพื่อให้ได้รับการเสนอชื่อจากพรรค และเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2563 ไบเดนประกาศให้ กมลา แฮร์ริส เป็นคู่สมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งประธานาธิบดี พ.ศ. 2563
โดยระบบการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ใครได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral Vote) 270 ก็จะเป็นผู้ชนะ รายงานผลอัปเดตล่าสุด เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 5 พฤศจิกายน ตามเวลาประเทศไทย โจ ไบเดน ได้คะแนน Electoral Vote 264 คะแนนแล้วในชณะที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้คะแนน 214 โอกาสสูงมากที่ โจ ไบเดน จะก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไป โดยมีโิอกาสสูงมากถึง 90% ทั้งนี้ ต้องรอลุ้นผลอย่างเป็นทางการ
รายงานข่าวล่าสุดแจ้งว่า โจ ไบเดน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต รายงานแนวโน้มและทิศทางผลการเลือกตั้งในครั้งนี้ เชื่อมั่นตนจะชนะการเลือกตั้งเมื่อการนับคะแนนแล้วเสร็จ พร้อมแสดงจุดยืน แม้จะหาเสียงและลงสมัครในนามพรรคเดโมแครต แต่ตนก็พร้อมที่จะบริหารประเทศนี้ในฐานะประธานาธิบดีของคนอเมริกัน
.
สถานการณ์ล่าสุด ไบเดน นำ โดนัลด์ ทรัมป์ อยู่ที่ 264 ต่อ 214 เสียง หากไบเดนสามารถคว้าชัยในรัฐเนวาดาที่มีอีก 6 เสียงได้อย่างน้อยอีก 1 รัฐ จะทำให้ไบเดนมีโอกาสสูงมากที่จะชนะการเลือกตั้ง นั่งเก้าอี้ประธานาธาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐฯ