การประสานนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ
คุณกวีวุฒิ : เพื่อช่วยกันแก้ "โจทย์ยาก" ของประเทศให้ลุล่วง ธปท. กับรัฐบาลต้องมีความสัมพันธ์กันอย่างไรบ้าง
ดร.วิรไท : ธปท. เป็นองค์กรของรัฐที่มีหน้าที่ทำนโยบาย ดังนั้นเราจึงต้องทำงานสอดประสานกับนโยบายด้านอื่นของประเทศ เวลาที่พูดถึง "ความเป็นอิสระ" ของธนาคารกลาง ไม่ได้หมายถึงการทำงานอย่างโดดเดี่ยว เราต้องพูดคุยกับรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ เพื่อประสานนโยบายอย่างเหมาะสม ขณะเดียวกันต้องไม่ทำให้การดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและระบบการเงิน ถูกบั่นทอนประสิทธิภาพและประสิทธิผลลง หากมีสิ่งที่ภาคการเมืองหรือรัฐบาลอยากให้เราทำ แต่เมื่อเห็นว่าจะสร้างผลเสียในระยะยาว เราก็ต้องยึดมั่นในหลักการของธนาคารกลางอย่างชัดเจนและต้องอธิบายได้ว่าไม่ควรทำเพราะอะไร
ฉะนั้น ธนาคารกลางกับรัฐบาลจะต้องทำงานร่วมกันแต่ต้องรักษาระยะห่างให้เหมาะสมด้วย เพราะธนาคารกลางถูกออกแบบให้มีพันธกิจหลักด้านการรักษาเสถียรภาพซึ่งเป็นเรื่องระยะยาว ขณะที่รัฐบาลโดยทั่วไปมักให้ความสำคัญกับเรื่องระยะสั้นตามระยะเวลาของการเลือกตั้ง เช่น การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีในช่วงเวลาสั้น ๆ ธนาคารกลางกับรัฐบาลจึงอาจเห็นต่างกันบ้างในเรื่องการจัดลำดับความสำคัญของนโยบายและการทำนโยบาย ซึ่งปัญหานี้เป็นปัญหาของธนาคารกลางทุกประเทศ เพราะธนาคารกลางเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ต้องเตือนเมื่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจร้อนแรงจนเกินพอดีหรือมีจุดเปราะบางเกิดขึ้นในจุดใดจุดหนึ่งของระบบเศรษฐกิจ ถ้าเราเห็นสัญญาณไม่ดีก็ต้องแตะเบรกเพื่อไม่ให้ปัญหาลุกลามจนเกิดเป็นวิกฤติเศรษฐกิจ
"ทีมงาน" ขุมพลังแห่งการทำงานของผู้ว่าการ
คุณกวีวุฒิ : มองย้อนกลับไป 5 ปีที่ผ่านมา ด้วยภาระหน้าที่ที่ค่อนข้างหนัก ท่านผู้ว่าการมีเทคนิคในการรีเฟรช (refresh) ตัวเองอย่างไรให้อยากตื่นขึ้นมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกวัน
ดร.วิรไท : ถ้าเราเข้าใจว่าพันธกิจของเราคืออะไร และตระหนักว่างานที่ทำมีความสำคัญอย่างไรบ้าง จะช่วยทำให้เกิดพลังในการทำงาน ผมถือว่าการอยู่ในตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท. เป็นโอกาสที่จะช่วยให้คนไทยมีความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนได้ นอกจากนี้ ต้องบอกว่าผมโชคดี เพราะเพื่อนร่วมงานที่ ธปท. มีแนวคิดคล้ายกันอยู่มาก คนที่ตัดสินใจมาทำงานที่นี่มักเป็นคนที่มีจิตสาธารณะ ยอมสละผลประโยชน์ในภาคเอกชนที่ได้รับผลตอบแทนสูงกว่า เพราะฉะนั้น เราจึงมี "ทีมงาน" ที่มีพลัง มีความตั้งใจและความมุ่งมั่นที่จะช่วยกันสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจและสังคมไทย ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดพลังในการทำงานเพื่อส่วนรวม
ปรับความสมดุลในชีวิตและไม่หยุดเรียนรู้
คุณกวีวุฒิ : หลังจากหมดวาระผู้ว่าการ ธปท. แล้ว ท่านวางแผนว่าจะทำอะไรบ้าง
ดร.วิรไท : ผมยังไม่ได้มีแผนอะไรที่ชัดเจน ผมเป็นคนที่ถ้าตัดสินใจจะทำอะไร ต้องทำเต็มที่ ทำให้ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา สมดุลในชีวิตบางอย่างอาจจะไม่ค่อยดีนัก เมื่อพ้นจากการทำหน้าที่ผู้ว่าการแล้ว จึงอยากใช้เวลาเพื่อปรับสมดุลด้านต่าง ๆ ของชีวิตให้ดีขึ้นกว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจตัวเอง การให้เวลากับครอบครัว รวมถึงการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ด้วย เรื่องที่ผมเรียนรู้ในช่วงที่ผ่านมาจะเน้นหนักในเรื่องที่เกี่ยวกับนโยบายการเงินและระบบการเงิน แต่ในโลกยังมีองค์ความรู้ใหม่ ๆ เกิดขึ้นมาก เราจะหยุดนิ่งไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยี ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนต้องเรียนรู้ตลอดเวลาเพื่อให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลง
ฝากข้อคิดถึงเพื่อนพนักงาน ธปท.
คุณกวีวุฒิ : สุดท้ายอยากให้ท่านฝากข้อคิดถึงเพื่อนพนักงาน ธปท. เพื่อใช้ในการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพ
ดร.วิรไท : ผมขอย้อนกลับไปที่ค่านิยมร่วมของชาว ธปท. คือ "ยืนตรง มองไกล ยื่นมือ และติดดิน" ผมมั่นใจว่ายืนตรงกับมองไกลเป็น DNA ของชาว ธปท. อยู่แล้ว แต่ในระยะข้างหน้า การยื่นมือและติดดินจะเป็นเรื่องสำคัญมากขึ้น เราต้องเปิดใจ เพื่อจะเข้าใจคนอื่น เข้าใจปัญหา และเข้าใจความต้องการ เพื่อช่วยประสานการทำงานและสร้างความเปลี่ยนแปลงร่วมกับผู้คนที่หลากหลายในสังคมได้ นอกจากนี้ สิ่งที่เราทำต้องไม่เป็นเพียงทฤษฎีที่อยู่บนหิ้ง แต่ต้องนำไปใช้ได้ในทางปฏิบัติและเกิดผลได้จริง ต้องเน้นที่ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้น เรื่องเหล่านี้สำคัญสำหรับการสร้างความน่าเชื่อถือและศรัทธาให้กับ ธปท. ผมย้ำอีกครั้งว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้ธนาคารกลางทำงานได้คือความน่าเชื่อถือและศรัทธาของประชาชน
โจทย์ที่เราจะเผชิญในอนาคตจะเป็นโจทย์ที่ท้าทายและซับซ้อนมากขึ้น และเราก็ไม่สามารถทำตามความคาดหวังของทุกคนได้ บางครั้งเราอาจจะต้องทำในสิ่งที่คนไม่พอใจหรืออาจขัดผลประโยชน์ แต่เราต้องทำให้เขาเห็นว่า สิ่งที่ ธปท. ตัดสินใจทำ ดีที่สุดสำหรับประเทศไทยในระยะยาว แม้คนบางกลุ่มอาจเสียผลประโยชน์ในระยะสั้น ๆ ถ้าคน ธปท. ช่วยกันสร้างบรรทัดฐานเช่นนี้ให้เกิดขึ้นได้ เราจะสามารถทำหน้าที่ธนาคารกลางได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในระยะยาว