
รองศาสตราจารย์ สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี เปิดเผยความคืบหน้ากรณี หญิงไทยอายุ 35 ปี ที่ตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19 ระหว่างอยู่ที่สถานที่กักกันถึง 2 ครั้ง แต่กลับมาตรวจพบเชื้อหลังจากนั้นประมาณ 30 วัน ซึ่งจากการสอบสวนโรคและตรวจหาภูมิคุ้มกัน พบว่า มีภูมิคุ้มกันเป็น บวกจึง คาดว่า หญิงไทย คนดังกล่าว เคยติดเชื้อโควิด-19 แต่หายแล้ว ซึ่งจากการสอบสวนโรค คาดว่า ติดเชื้อขณะที่อยู่ต่างประเทศ
ด้านผศ.นพ. ชนเมธ เตชะแสนศิริ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี ระบุว่า หญิงคนดังกล่าวไม่นับรวมเป็นผู้ป่วยเนื่องจากผลการตรวจซ้ำ2ครั้งไม่พบเชื้อแล้ว แต่เพื่อความมั่นใจโรงพยาบาลจะตรวจซ้ำว่า ซากเชื้อ ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ และมั่นใจว่าไม่สามารถแพร่เชื้อต่อได้
สำหรับไทม์ไลน์การใช้ชีวิต หญิงไทยอายุ 35 ปี พบมีผู้สัมผัสใกล้ชิด 24 คน เริ่มตั้งแต่
- 9 ก.ค เดินทางกลับบ้านที่จ.เลย เพื่อนขับรถมารับ มีผู้สัมผัสใกล้ชิด5 ราย
- ช่วงเดือนก.ค ผู้สัมผัสใกล้ชิด 6 ราย พาเพื่อนไปรพ.ปากชมและเข้าเยี่ยมเพื่อนคลอดลูก
- โดย 12-13 ส.ค. ไปรับประทานอาหาร ที่ร้านแห่งหนึ่ง จ.เลย มีเพื่อนไปด้วยกัน3 คน( จำไม่ได้ชื่อร้านอะไร)
- 16 ส.ค. เตรียมกลับไปทำงาน พ่อแม่ ขับรถไปส่ง พักโรงแรมในกทม. มีผู้สัมผัสใกล้ชิด4 คน มีเพื่อน2 คนและแม้บ้านโรงแรม2 คน (เก็บตัวอย่างแล้ว)
**ส่วน ประชาชน ในโรงแรม104 คน ถือว่ามีความเสี่ยงต่ำ หากใครกังวล ขอเข้ารับการตรวจเชื้อได้
- 18 ส.ค. เดินทางไปรพ. ด้วยรถแท๊กซี่กับเพื่อน2คน มีผู้สัมผัสใกล้ชิด6 ราย (คนขับแท๊กซี่/เจ้าหน้าที่รพ.)
ด้านนพ.ทวีศิลป์. วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ย้ำว่า ผู้สัมผัสใกล้ชิดทั้ง 24 คน ได้ติดตามเก็บตัวอย่างไปตรวจทั้งหมดแล้ว ส่วนประชาชนมีความกังวลตามเส้นทางไทมไลน์หากมีความกังวลให้ขอรับการตรวจเชื้อได้ แต่ยืนยันว่าสถานที่ที่หญิงคนดังกล่าวเดินทางไปทั้งหมด สามารถเปิดทำการปกติได้ เนื่องจาก มีความเสี่ยงต่ำในการแพร่เชื้อ เพียงใช้มาตรการป้องตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข