
จากแนวคิดที่ตรงกันเรื่องการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็น ศูนย์กลางของพืชสมุนไพรโลก ระหว่างภาคเอกชนและสถาบันการศึกษา รวมถึงกลุ่มวิสาหกิจชุมชนซึ่งถือเป็นความร่วมมือทางวิชาการครั้งสำคัญ มาก่อนหน้านี้ ล่าสุดบริษัทกรีนอินฟินิท จำกัด พร้อมด้วย มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมด้วยมูลนิธิในโครงการตามพระราชดำริสวนป่าสมุนไพร หอการค้าจังหวัดพิจิตร ตลอดจนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ปลูกพืชผักสมุนไพรวังทรายพูนและเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนพัฒนาพืชสมุนไพรและกัญชงบ้านสันธาตุได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ โครงการวิจัยและพัฒนาพืชสมุนไพรและกัญชง เพื่ออาหารสุขภาพ และประโยชน์ทางการแพทย์ แล้ว
การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการปลูกพืชสมุนไพรไทยและกัญชงให้เป็นพืชเศรษฐกิจรวมทั้งการผลักดันให้ประเทศไทยเป็น ศูนย์กลางพืชสมุนไพรโลก อันจะนำมาซึ่งประโยชน์แก่เกษตรกรไทยที่จะสามารถสร้างรายได้และส่งต่อไปถึงเกษตรกรรุ่นลูกรุ่นหลานแบบยั่งยืน ครั้งล่าสุด มีผู้ทรงคุณวุฒิจากสาขาต่างๆ เข้าร่วมงานประกอบด้วย ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.กาญจนา เงารังสี อธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวรนายธีรยสถ์ จิตต์เสนา ประธาน บริษัท กรีนอินฟินิท นายทรงภพ สืบชาติ กรรมการ บริษัท กรีนอินฟินิท นายเด่นชัย ลาวิชัยประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนพัฒนาพืชสมุนไพรและกัญชงบ้านสันธาตุ นายจักรภฤต บรรเจิดกิจประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ปลูกพืชผักสมุนไพรวังทรายพูน นายเจนศิลป์ เจริญบวรศักดิ์ประธานหอการค้าจังหวัดพิจิตร นายอภิทรัพย์ เลิศสิริประภาประธานมูลนิธิในโครงการตามพระราชดำริสวนป่าสมุนไพรรวมถึงศูนย์การเรียนรู้แพทย์ทางเลือก สวนสมุนไพรวันตรีวิสุทธิธรรม เข้าร่วมงาน ณโรงแรม มิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น เมื่อวันที่ 31 กรกฏาคม 2563
นายธีรยสถ์จิตต์เสนา ประธาน บริษัท กรีนอินฟินิท เปิดเผยว่า โครงการวิจัยและพัฒนาพืชสมุนไพรและกัญชง เพื่ออาหารสุขภาพ และประโยชน์ทางการแพทย์ เกิดจากแนวคิดที่ทางบริษัทฯต้องการเห็นเกษตรกรของไทยมีรายได้ และสามารถปลดหนี้สินของตัวเองได้ ในต่างประเทศนั้น เริ่มมีการผลักดันสมุนไพรขึ้นมาใช้แทนที่ยาแผนปัจจุบันที่สังเคราะห์มาจากสารเคมี ยกตัวอย่าง ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีผลสำรวจว่า 1 ใน 3 ของชาวอเมริกัน นิยมบริโภคสมุนไพร หรือ ในประเทศญี่ปุ่น กว่า 80% ของการรักษาพยาบาล นิยมใช้ยาที่มีส่วนผสมจากสมุนไพร ทางบริษัทฯ ได้รู้ว่าพืชเหล่านี้สามารถสร้างรายได้มหาศาลให้กับเกษตรกรในประเทศนั้นๆ นอกจากนี้ประเทศไทยยังถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีสมุนไพรเยอะที่สุดในโลกและมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การปลูกสมุนไพรเป็นอย่างดีจุดนี้เลยทำให้ผมหันกลับมามองว่าจะทำอย่างไรให้เกษตรกรของไทยของเราสามารถปลูกพืชสมุนไพร และกัญชงได้เหมือนในต่างประเทศ ผมจึงมาปรึกษากับทางท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวรที่ในเรื่องของการวิจัยและพัฒนาพันธุ์กัญชง รวมถึงสมุนไพร ต่าง ๆที่ปลูกในประเทศไทย
ในการทำวิจัยโดยมีมหาวิทยาลัยนเรศวรเป็นหลัก เรามองว่านอกจากที่นี่จะมีเครื่องไม้เครื่องมือที่ครบแล้ว ทางมหาวิทยาลัย ยังมีนโยบายเป็นไปในทิศทางเดียวกันทางบริษัท ที่จะสร้างประโยชน์ให้กับเกษตรกรไทย โดยเป้าวัตถุประสงค์ของการทำวิจัย ก็เพื่อพัฒนาให้เกิดสายพันธุ์กัญชงของประเทศไทย และมีราคาถูก ที่จะให้เกษตรกรเข้าถึงเมล็ดพันธุ์ เช่นเดียวกับ การพัฒนาโรงเรือนระบบออแกนิคที่เป็นมาตรฐานระดับโลก นอกจากนี้ เราก็ยังร่วมมือกับทางมหาวิทยาลัย เพื่ออบรมเรื่องของการปลูก และการสกัดสาระสำคัญที่เป็นประโยชน์จากพืชสมุนไพร ออกมาใช้อย่างคุ้มค่า ก่อนนำไปทำเป็นผลิตภัณฑ์ และอาหารสุขภาพ ต่างๆ และสุดท้ายคือ เราจะช่วยมองหาตลาดส่งออกต่างประเทศให้กับเกษตรกร ไปพร้อมๆ กับการสร้างความเข้มแข็งให้ตลาดวิสาหกิจชุมชนด้วย
ประธานบริษัท กรีนฟินิท กล่าวอีกว่าหากทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนอย่างที่เราวางไว้ ผมเชื่อว่า ในอนาคตประเทศไทยของเรา จะกลายเป็นศูนย์กลางของการส่งออกสมุนไพร ที่มีคุณภาพของโลก รวมถึงยังจะสร้างประโยชน์อันมหาศาลให้กับเกษตรกร และประเทศไทยของเราเอง เพราะประเทศของเรา มีความได้เปรียบทั้งเรื่องของ ดิน ฟ้า อากาศ รวมถึงมีมหาวิทยาลัยที่มีองค์ความรู้ หรือแม้แต่เกษตรกรของไทย ยังมีความเข้าใจเรื่องของการปลูกพืช และสมุนไพร เป็นอย่างดีด้วย
ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.กาญจนา เงารังสี อธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า บทบาทของทางมหาวิทยาลัยนเรศวร คือ ต้องสร้างองค์ความรู้ ทักษะ และถ่ายทอดความรู้คืนให้กับสังคมเพราะทางมหาวิทยาลัยของเรา มีคำขวัญว่า ...มหาวิทยาลัยคุณธรรม เพื่อประชาชน... ดังนั้น ความร่วมมือที่เกิดขึ้น จึงเป็นการสร้างองค์ความรู้ที่เกิดจากงานวิจัย ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของมหาวิทยาลัย และสิ่งที่เราบอกว่า ..เพื่อประชาชน... คือ ต้องการให้องค์ความรู้ที่ของเราถูกถ่ายทอดให้เป็นมาตนฐานสากล หรือ เป็นไปตามมาตรฐานระดับโลก ก็เพื่อการแข่งขันของคนไทยในอนาคต ฉะนั้นแล้ว ความร่วมมือในวันนี้จึงเป็นไปตามนโนยาย และแนวคิดของมหาวิทยาลัย ที่จะสร้างประโยชน์อย่างเท่าเทียมกันของทุกฝ่ายให้เกิดขึ้น
อย่างไรก็ดี นอกจากบริษัท กรีนอินฟินิท จำกัด จะให้การสนับสนุนในด้านการทำวิจัย เพื่อให้เกิดการพัฒนา และการสกัดสารเคมีที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และทางการแพทย์ จากพืชสมุนไพรแล้วความร่วมมือที่เกิดขึ้น ยังจะช่วยยกระดับมาตรฐานพืชสมุนไพรของไทยไปสู่ตลาดต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนเกษตรกรแบบครบวงจรในการดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ โดยบริษัทฯ จะเป็นผู้ลงทุน เพื่อให้เกิดเป็นต้นแบบของSmart Farmerอันจะช่วยตอบสนองนโยบายของภาครัฐ รวมถึงการให้คำปรึกษาแนะนำแก่เกษตรกรที่เข้าร่วมกลุ่มกับทางบริษัทฯ ซึ่งรายได้ที่เกิดขึ้นในโครงการฯ ยังจะแบ่งสัดส่วนให้เกษตรกร50% หลังจาก5ปีที่เกษตรกรสามารถดำเนินการต่างๆ ได้ด้วยตนเอง แล้วทางบริษัทจะส่งมอบกิจการให้กับเกษตรกรทั้งหมด100%ต่อไปในอนาคต