
( 3 ส.ค.63) ที่จ.ตรัง จากอิทธิพลของพายุดีเปรสชันซินลากู ซึ่งทำให้เกิดฝนตกหนักและลมกรรโชกแรง เมื่อช่วงเวลาประมาณ 22.00 น.เมื่อคืนนี้ ได้ทำให้หลายพื้นที่ในจ.ตรังได้รับผลกระทบต้นไม้ล้มทับบ้านเรือนเสียหาย และต้นไม้ล้มกีดขวางเส้นทางถนน ล้มทับเสาไฟฟ้า สายไฟฟ้า และเกิดไฟฟ้าดับในหลายพื้นที่ เจ้าหน้าที่ต้องเร่งทำงานแก้ไขสถานการณ์กันอย่างหนักทั้งคืน โดยเฉพาะถนนสายสิเกา - ควนกุน ในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลควนกุน หมู่ที่ 2 ต.กะลาเส อ.สิเกา
พบว่าลมพายุพัดทำต้นยางนาขนาดใหญ่ล้มทับสายไฟแรงสูง จนทำให้เสาไฟแรงสูงจำนวน 10 ต้น ซี่งยึดโยงกันหักโค่นล้มทับบ้านเรือน ทำกระแสไฟฟ้าดับ รวมทั้งทรัพย์สินของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมถนนสายดังกล่าวได้รับความเสียหาย จำนวน 6 หลังคาเรือน ซึ่งล่าสุดทางเจ้าหน้าที่แขวงการทางกระบี่ ได้นำมีดพร้าและเลื่อยยนต์เร่งตัดต้นไม้ และเคลื่อนย้ายออกจากบ้านเรือนของชาวบ้านด้วยความยากลำบาก เนื่องจากยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับต้นยางนามีขนาดใหญ่และล้มพาดสายไฟทับบ้านของชาวบ้าน ทั้งหลังคาแตกและโครงสร้างบ้านมีรอยร้าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งเข้าช่วยเหลือ ซ่อมแซม ให้สามารถพักอาศัยได้
จากการสอบถามนายสมนึก บัวเกิด อายุ 52 ปี หนึ่งในผู้ได้รับความเสียหาย บอกว่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 21.30 น.ในขณะนั้นมีทั้งลมทั้งฝนทั้งพายุพัดมาน่ากลัวมาก จึงใช้ให้ลูกชายออกไปเลื่อนรถยนต์กระบะ แต่ไม่ทัน ต้นไม้และเสาไฟฟ้าแรงสูงก็ได้ตกลงมาใส่หลังคาและรถยนต์กระบะทันที พร้อมกับสายไฟที่มีกระแสไฟฟ้าช็อตกับหลังคาบ้านจนเกิดประกายไฟสว่างไสวและมีเสียงน่ากลัว ทำให้ทั้งตนเอง ลูกและภรรยาได้วิ่งหลบเข้าไปในบ้านทัน โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ และวันนี้ก็ได้มีหน่วยงานหลายหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบความเสียหาย ซึ่งของตนเองได้รับความเสียหายหลังคาบ้านแตกหักหลายจุด บ้านเกิดรอยร้าว รถยนต์กระบะเสียหาย 1 คัน ประเมินค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 60,000 บาท
แต่ที่ตนเองและชาวบ้านต้องการคือ อยากให้ตัดเอาต้นไม้ออกไป และได้ร้องขอมาหลายครั้งแล้ว เพราะหวั่นต้นไม้ล้มทับเสาไฟและหักโค่นทับบ้านเรือน แต่ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ว่า เป็นต้นไม้ของนายชวน หลีกภัย เอาออกไปไม่ได้ จนกระทั่งมาเกิดเหตุซ้ำขึ้นอีก และล่าสุดได้พูดคุยกับทางรองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง บอกกับตนว่าจะเอาต้นไม้ออกได้ก็ต้องมีการลงรายชื่อกันก่อน ทั้งนี้ ตนเองไม่ได้ติดใจปัญหาเรื่องบ้าน แต่อยากให้เอาต้นไม้ออก ซึ่งครั้งนี้ร้ายแรงหนักกว่าที่ผ่านมาเนื่องจากต้นไม้ที่ปลูกเป็นต้นยางไม่มีรากแก้วพร้อมที่จะหักโค่นล้มลงตลอดเวลา
นายอุทัย เจี้ยวเห้ง อายุ 40 ปี หนึ่งในผู้เสียหายอีกราย บอกเช่นกันว่า ได้มีหน่วยงานเข้ามาดูแล้ว บอกว่าจะซ่อมให้ในงบประมาณไม่เกิน 30,000 บาท แต่จริงๆแล้วตนเองอยากให้ช่วยเอาต้นไม้ออก เคยแจ้งไปแล้วแต่ทางหน่วยงานบอกเอาออกไม่ได้ เนื่องจากเป็นไม้อนุรักษ์ ในส่วนบ้านของตนเองบ้านเกิดรอยร้าว ต้นไม้ทับใส่ข้างบ้าน หลังคาแตกหัก