
วันที่ 23 ก.ค. 2563 เวลา 13.00 น. ที่วัดบางแพรกใต้ อ.เมือง จ.นนทบุรี พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นประธานในงานบำเพ็ญกุศล และฌาปนกิจร่างของ น.ช.ลีอุย หรือ "ซีอุย แซ่อึ้ง" อดีตนักโทษประหารชีวิต โดยมีพระครูศรีนนทวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดบางแพรกใต้เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และนายธวัชชัย อัครวิพุธ รองคณบดีฝ่ายบริหาร คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และตัวแทนชาวบ้านจาก อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ มาร่วมเป็นสักขีพยานในการจัดพิธีอย่างเรียบง่ายตามประเพณีไทย
ภายหลังเสร็จสิ้นพิธี อธิบดีกรมราชทัณฑ์บอกว่า จะนำอัฐิซีอุยทั้งหมดมาเก็บไว้ที่วัดบางแพรกใต้โดยจะไม่นำไปลอยอังคาร และไม่มอบให้ชาวทับสะแก เนื่องจากนายซีอุยไม่มีญาติที่นั่น
ด้านนายพล พลายสถิตย์ ตัวแทนชาวบ้านทับสะแก บอกว่า รู้สึกดีใจที่ดำเนินการนำร่างซีอุยออกมาประกอบพิธีทางศาสนาได้สำเร็จ หลังจากเคยยื่นเรื่องให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประสานไปยังคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชฯ และกรมราชทัณฑ์ ขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ได้คืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้กับซีอุย ส่วนเรื่องคดีความนั้นจบไปนานมากแล้ว ตนไม่อยากพูดถึง แต่จากการพูดคุยกับคนเฒ่าคนแก่ในทับสะแกส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าซีอุยเป็นฆาตกรกินเนื้อมนุษย์
นายเทิดพร มโนไพบูลย์ หรืออ๊อด อดีตนักแสดงที่เคยรับบทเป็นซีอุย ได้เดินทางมาร่วมงานด้วย บอกว่าตั้งใจมาเพื่อขอบคุณซีอุยที่ทำให้ตนกลายเป็นที่รู้จักจดจำจนถึงทุกวันนี้ ยอมรับว่าตอนที่เล่นละครเป็นซีอุย มีอยู่ฉากหนึ่งเป็นฉากแรกของการถ่ายทำ ตนเคยภาวนาว่าอยากเล่นให้สมบทบาท หากดวงวิญญาณของซีอุยจะมาสิงร่างก็พร้อมยอมให้สิง ซึ่งระหว่างถ่ายทำจู่ๆร่างกายของตนก็สั่น คล้ายกับท่าทางของซีอุย ทำให้การแสดงดูเป็นธรรมชาติ จนถ่ายทำเพียงครั้งเดียวก็ผ่านฉลุย ส่วนเรื่องคดีความนั้นตนไม่ทราบแน่ชัด รู้เพียงว่าเขาไม่ใช่คนไม่ดี จึงอยากมาร่วมส่งดวงวิญญาณ และดีใจที่ดวงวิญญานของซีอุยจะไปสู่สุขติ
นอกจากนี้ พระมหายินดี พระลูกวัดอภัยทายาราม กรุงเทพฯ ได้เดินทางมาร่วมงานด้วย โดยพระรูปนี้เป็นคนให้ข้อมูลเรื่องราวของซีอุยกับบริษัทถ่ายทำภาพยนตร์แห่งหนึ่ง เพื่อนำไปเขียนบทได้ค่าจ้าง 60,000 บาทในสมัยนั้นจนสร้างความอกสั่นขวัญแขวนให้คนดูทั่วประเทศ และยอมรับว่าบทบาทของซีอุยในภาพยนตร์เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาเกินจริงทั้งสิ้น เพราะที่ทับสะแกยังไม่มีคดีไหนเลยที่ซีอุยฆ่าคนแล้วควักเอาเครื่องในมากิน
สำหรับ "ซีอุย แซ่อึ้ง" เป็นชายชาวจีนที่มารับจ้างทำงานในพื้นที่ อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ และถูกตัดสินโทษประหารชีวิต เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2502 ที่เรือนจำบางขวาง ในคดีฆาตกรรมเด็กชายสมบุญ บุญกาญจน์ ที่ จ.ระยอง เมื่อปี 2501 โดยศพถูกชำแหละตับและหัวใจหายไป และรับสารภาพย้อนหลังไปถึง 4 ปีว่า ได้ฆ่าเด็กอีก 6 คน หลังจากซีอุยถูกประหาร ร่างของเขาถูกนำไปศึกษาความผิดปกติทางสมอง และนำร่างไปจัดแสดงในตู้โชว์พิพิธภัณท์นิติเวชศาสตร์ ศิริราช พร้อมติดป้ายว่าเป็น "มนุษย์กินคน" จนกระทั่งเกิดกระแสเรียกร้องให้นำร่างซีอุยออกมาประกอบพิธีทางศาสนา นับเป็นการปิดตำนาน "ซีอุย" ล้างมลทินมนุษย์กินคน คดีที่เป็นที่รู้จักของสังคมอย่างกว้างขวางมานานถึง 61 ปี