
ที่ผ่านมาถือว่าชาวทับสะแกได้ร่วมกันปลดพันธนาการให้นายซีอุยหลังจากได้รับแจ้งว่าการร้องเรียนมีความคืบหน้าโดยกรมราชฑัณฑ์จะนำร่างนายซีอุยจากพิพิธภัณฑ์ ไปทำการฌาปนกิจในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้ ที่วัดบางแพรกใต้สำหรับผมยอมรับว่าเกิดไม่ทันยุคสมัยของนายซีอุย และไม่ได้เป็นครือญาตินามสกุล "แซ่อึ้ง"ซึ่งในอดีตพื้นที่ อ.ทับสะแกมีหลายตระกูลที่อพยพมาจากเมืองจีนและเคยใช้นามสกุลนี้แต่ในวันฌาปนกิจชาวทับสะแกบางส่วนจะเหมารถตู้เดินทางไปร่วมพิธีเพื่อไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้ายและล่าสุดผู้ที่ร่วมร้องเรียนถึงคณะกรรมการสิทธิฯได้ทำบุญเลี้ยงพระเพื่อทิศส่วนกุศลให้นายซีอุยที่วัดทับสะแกเป้นครั้งสุดท้ายถือเป็นการปิดตำนานอย่างเป็นทางการในฐานะที่นายซีอุยมีประวัติเคยมาทำงานรับจ้างที่ อ.ทับสะแก ก่อนจะมีการฌาปนกิจ
ส่วนตัวเชื่อว่านายซีอุยไม่มีญาติพี่น้องที่เดินทางอพยพมาจากประเทศจีนอาศัยอยู่ใน อ.ทับสะแก สำหรับภาพลักษณ์ของนายซีอุยที่สร้างความหวาดกลัวให้กับบุคคลทั่วไป น่าจะมาจากการนำข้อมูลบางส่วนจากคดีที่เกิดขึ้นในอดีตไปสร้างภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ ซึ่งอาจมีการเพิ่มเติมข้อมูลบางประการเพื่อสร้างจินตนาการที่แตกต่างจากการทำสารคดี สำหรับเหตุการณ์ในพื้นที่ อ.ทับสะแกยอมรับว่ามีเพียงเรื่องเล่าของคดีฆาตกรรม รวมทั้งข้อกล่าวหาว่ามีการกินตับ
นายซีอุย ถูกประหารชีวิตเมื่อวันที่ 16 ก.ย.2502 และต่อมา ใน วันที่ 27 ก.ย.ปีเดียวกันทางคณะแพทยศาสตร์ ศิริราช ได้ทำเรื่องขอศพซีอุยมาทำการศึกษา โดยเก็บไว้ที่ตึกกายวิภาคร่างของซีอุยเป็นอาจารย์ใหญ่ให้กับนักศึกษาแพทย์