svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ข่าว

ปลดพันธนาการให้นายซีอุย เผา 23 กค.นี้

ชาวทับสะแกทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ซีอุยเป็นครั้งสุดท้ายหวังปิดตำนาน ปลดพันธนาการให้นายซีอุย ก่อนนำร่างออกจากพิพิธภัณฑ์ศิริราชไปฌาปนกิจ ในวันที่ 23 กรกฎาคม นี้

20กรกฎาคม ร.ต.ต.พล พลายสถิตย์ อายุ 50 ปี ข้าราชการบำนาญอยู่บ้านเลขที่ 135/10 หมู่ 9 ต.ทับสะแก อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่าเมื่อต้นปี 2562 ได้ร่วมกับชาวบ้านกว่า 50 รายใน อ.ทับสะแกยื่นหนังสือเรื่องร้องเรียนถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ( กสม.)ให้พิจารณาคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้นายซีอุย แซ่อึ้ง ผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรมและมีฉายามนุษย์กินคนโดยขอให้นำร่างออกจากการจัดแสดงนิทรรศการภายในพิพิธภัณฑ์ของโรงพยาบาลศิริราช กทม.ซึ่งได้เก็บร่างซีอุยไว้นานกว่า 60 ปี เพื่อนำร่างไว้ศึกษาทางการแพทย์แต่ไม่เข้าข่ายการนำร่างนายซีอุยไปประจานตามที่บางฝ่ายต้องข้อสังเกตซึ่งไม่คาดคิดมาก่อนว่าการร้องเรียนครั้งนี้จะประสบผลสำเร็จ

ที่ผ่านมาถือว่าชาวทับสะแกได้ร่วมกันปลดพันธนาการให้นายซีอุยหลังจากได้รับแจ้งว่าการร้องเรียนมีความคืบหน้าโดยกรมราชฑัณฑ์จะนำร่างนายซีอุยจากพิพิธภัณฑ์ ไปทำการฌาปนกิจในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้ ที่วัดบางแพรกใต้สำหรับผมยอมรับว่าเกิดไม่ทันยุคสมัยของนายซีอุย และไม่ได้เป็นครือญาตินามสกุล "แซ่อึ้ง"ซึ่งในอดีตพื้นที่ อ.ทับสะแกมีหลายตระกูลที่อพยพมาจากเมืองจีนและเคยใช้นามสกุลนี้แต่ในวันฌาปนกิจชาวทับสะแกบางส่วนจะเหมารถตู้เดินทางไปร่วมพิธีเพื่อไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้ายและล่าสุดผู้ที่ร่วมร้องเรียนถึงคณะกรรมการสิทธิฯได้ทำบุญเลี้ยงพระเพื่อทิศส่วนกุศลให้นายซีอุยที่วัดทับสะแกเป้นครั้งสุดท้ายถือเป็นการปิดตำนานอย่างเป็นทางการในฐานะที่นายซีอุยมีประวัติเคยมาทำงานรับจ้างที่ อ.ทับสะแก ก่อนจะมีการฌาปนกิจ

ด้านนายทองพัน ชูรส อายุ 82 ปี รองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า เห็นด้วยและสนับสนุนให้นำร่างนายซีอุย แซ่อึ้งไปทำการฌาปนกิจ เพื่อให้สิ้นสุดตำนานมนุษย์กินคนนานกว่า 60 ปี สำหรับตนขณะที่อายุ 14 ปี เคยเห็นนายซีอุย มาทำงานรับจ้างในแปลงผักพื้นที่ด้านหลังโรงเรียนอนุบาลทับสะแกในปัจจุบัน ยอมรับว่าเด็กในสมัยนั้นหวาดกลัวมากเนื่องจากนายซีอุย มีลักษณะขรึม พูดน้อย เดินหลังโก่ง ไม่สวมเสื้อในมือชอบถือมีดขอซึ่งไม่มีด้ามจับ แต่ทราบว่านายซีอุยทำงานรับจ้างที่ อ.ทับสะแก ไม่นานจากนั้นย้ายไปที่อื่น

ส่วนตัวเชื่อว่านายซีอุยไม่มีญาติพี่น้องที่เดินทางอพยพมาจากประเทศจีนอาศัยอยู่ใน อ.ทับสะแก สำหรับภาพลักษณ์ของนายซีอุยที่สร้างความหวาดกลัวให้กับบุคคลทั่วไป น่าจะมาจากการนำข้อมูลบางส่วนจากคดีที่เกิดขึ้นในอดีตไปสร้างภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ ซึ่งอาจมีการเพิ่มเติมข้อมูลบางประการเพื่อสร้างจินตนาการที่แตกต่างจากการทำสารคดี สำหรับเหตุการณ์ในพื้นที่ อ.ทับสะแกยอมรับว่ามีเพียงเรื่องเล่าของคดีฆาตกรรม รวมทั้งข้อกล่าวหาว่ามีการกินตับ

นายซีอุย ถูกประหารชีวิตเมื่อวันที่ 16 ก.ย.2502 และต่อมา ใน วันที่ 27 ก.ย.ปีเดียวกันทางคณะแพทยศาสตร์ ศิริราช ได้ทำเรื่องขอศพซีอุยมาทำการศึกษา โดยเก็บไว้ที่ตึกกายวิภาคร่างของซีอุยเป็นอาจารย์ใหญ่ให้กับนักศึกษาแพทย์