
ในช่วงนี้ มีประเด็นร้อนๆ เกี่ยวกับการขอรับเงินบริจาคของผู้มีชื่อเสียง ดารา นักแสดง เน็ตไอดอล หรือผู้ที่มีชื่อเสียงในวงการต่างๆ มากมาย เพื่อนำเงินบริจาคไปช่วยในเรื่องต่างๆ อาทิ ภัยพิบัติ หรือ ช่วยดับไฟป่า หรือนำไปรักษาอาการเจ็บป่วย หรือนำไปซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ รวมไปถึงขอรับบริจาคเงิน เพื่อช่วยเหลือสุนัขจรหรือแมวจร ตามเพจ หรือตามองค์กรสาธารณะต่างๆ ก็ตามแต่ ซึ่งล้วนแล้ว จัดอยู่ในเรื่องกระแสหลัก หรือประเด็นการขอรับบริจาค หรือ เรี่ยไร แทบทั้งสิ้น!!!
ประเด็นนี้ ในความเป็นจริงแล้ว เรามีกฎหมายควบคุมเรื่องนี้มานานแล้ว แต่อาจจะมีหลายๆคนไม่ทราบหรืออาจจะไม่ทราบกระบวนการ ไม่ทราบถึงขั้นตอนต่างๆ ในการขออนุญาตทำการเรี่ยไร ทำเรื่องบริจาค และในปัจจุบันนี้ ยังคงมีการหลอกลวง ขอรับเงินบริจาคผ่านทางสื่อออนไลน์เป็นจำนวนมาก และเห็นปรากฏเป็นข่าวกันอยู่บ่อยๆ และที่น่าแปลกใจ ทำไมที่ยังคงมีคนใจดี ใจบุญ หลอกให้โอนเงินบริจาคอยู่ร่ำไป มาทำความรู้จักกับประเด็นร้อนๆ ต่อไปนี้
ตามพระราชบัญญัติควบคุมการเรี่ยไร พุทธศักราช 2487มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้
"การเรี่ยไร" หมายความรวมตลอดถึงการซื้อขาย แลกเปลี่ยน ชดใช้ หรือบริการ ซึ่งมีการแสดงโดยตรงหรือโดยปริยาย ว่ามิใช่เป็นการซื้อขาย แลกเปลี่ยน ชดใช้ หรือบริการธรรมดา แต่เพื่อรวบรวมทรัพย์สินที่ได้มาทั้งหมดหรือบางส่วนไปใช้ในกิจการอย่างใดอย่างหนึ่งนั้นด้วย
การขออนุญาตทำการเรี่ยไร ในที่สาธารณะ สื่อสิ่งพิมพ์ หรือสื่อโทรทัศน์ จะต้องได้รับอนุญาตจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และจะต้องระบุวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน กำหนดวิธีการที่จะทำการเรี่ยไร จำนวนเงินที่ต้องการเรี่ยไร และสถานที่ทำการเรี่ยไร ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับอนุญาตจะไม่สามารถเดินไปขอเรี่ยไรตามหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ นอกเหนือจากที่ขออนุญาตไว้ ตลอดจนกำหนดระยะเวลาเริ่มต้นของการเรี่ยไรและระยะเวลาสิ้นสุดไว้อย่างชัดเจน
ผู้ที่ขออนุญาตจะต้องมีอายุ 16 ปีบริบูรณ์ไม่มีจิตฟั่นเฟือน ไม่เป็นโรคติดต่อที่น่ารังเกียจ และไม่เคยต้องโทษฐาน ลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ โจรสลัด กรรโชก ฉ้อโกง ยักยอกทรัพย์ รับของโจร หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมาย ตามมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการเรี่ยไร พุทธศักราช 2487
ในการขออนุญาตทำการเรี่ยไร
หากอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครสามารถยื่นเรื่องขออนุญาตได้ที่กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย หรือต่างจังหวัดติดต่อที่ที่ว่าการอำเภอ ทุกจังหวัด
ประเด็นสำคัญผู้ที่ได้รับอนุญาต
จะต้องพกใบอนุญาตนั้นติดตัวตลอดเวลา เพื่อง่ายแก่การตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ รวมไปถึง ห้ามใช้ถ้อยคำบังคับขู่เข็ญผู้ที่ถูกเรี่ยไร ทำให้เกิดความหวาดกลัวหรือเกรงกลัว ตามมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการเรี่ยไร หากฝ่าฝืนมาตรา 16 มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี
การเปิดขอรับบริจาค
หากมี การหลอกลวง หรือมีเจตนาในการฉ้อโกง หรือฉ้อโกงประชาชนก็จะมีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 หรือ มาตรา 343 แล้วแต่กรณีรวมไปถึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาทสุดท้ายอาจจะถูกตรวจสอบทรัพย์สิน
เนื่องจากความผิดข้อหาฉ้อโกงประชาชนนั้น เป็นความผิดมูลฐาน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งอาจจะมีความผิดแยกอีกส่วนหนึ่งต่างหาก
แล้ว "การเปิดบัญชีรับเงินบริจาค" แบบไหนถูกกฎหมาย
กรณีที่่ประสบพบเจอบ่อยๆ การเปิดรับบริจาคมักจะในช่วงที่เกิดมีภัยพิบัติ ผู้เปิดบัญชีขอรับเงินบริจาค เพื่อจัดส่งเงิน หรือสิ่งของไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และให้ความช่วยเหลือนั้นทันต่อเหตุการณ์และทันเวลา แต่เราทุกคนในฐานะ"ผู้ให้บริจาค" ก็ต้องตรวจสอบเรื่องราวให้ดีก่อนโอนเพื่อร่วมบริจาค และเพื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการส่งต่อความช่วยเหลือไปให้กับผู้ที่เดือดร้อนอย่างแท้จริง
ในวันนี้ ขออนุญาตนำวิธีการ "เช็กก่อนชัวร์ก่อนโอน" มาบอกกล่าวกัน เพื่อร่วมเตือนภัยอีกทาง
คนทั่วไปอย่างเราๆ จะเปิดรับบริจาคเองได้ไหม?การเปิดบัญชี รับเงินบริจาค ทั้งเงิน และสิ่งของ มีกฎหมายที่ควบคุมดูแล คือ พ.ร.บ. ควบคุมการเรี่ยไร พุทธศักราช 2487 ในความหมายของมาตรา 4 รวมถึงการรวบรวมทรัพย์สินที่ได้มาทั้งหมดหรือบางส่วนไปใช้ในกิจการอย่างใดอย่างหนึ่งด้วย
ส่วนการเปิดรับบริจาคเองทำได้หรือเปล่า?
หากทำในที่สาธารณะ ได้แก่ โทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ เช่น การเปิดรับบริจาคน้ำท่วมโดยสถานีโทรทัศน์ต่างๆ จะต้องขออนุญาตจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย โดยทำเป็นหนังสือ ระบุ
วัตถุประสงค์การจัดกิจกรรม
ลักษณะการเปิดรับบริจาคที่น่าเชื่อถือจากหน่วยงานรัฐ
ตามหลักเกณฑ์ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเรี่ยไรของหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2544กรณีมีการเรี่ยไร ห้ามมิให้หน่วยงานรัฐดำเนินการต่อไปนี้
กำหนดประโยชน์ผู้บริจาคหรือบุคคลอื่น ที่ไม่ใช่หน่วยงานรัฐประกาศไว้กำหนดมูลค่าของเงินหรือทรัพย์สินที่แน่นอนกระทำการให้บุคคลใดจำยอมมาบริจาคโดยเลือกปฏิเสธไม่ได้ ทั้งทางตรงและทางอ้อมใช้คำสั่งขอร้อง หรือบังคับให้บริจาค ด้วยอำนาจเจ้าหน้าที่รัฐ
สำหรับวิธีการดูบัญชีที่ถูกเปิดมาเพื่อรับบริจาคก็พิจารณาได้จากความน่าเชื่อถือ ดังรายละเอียดต่อไปนี้
-เป็นบัญชีที่เปิดในนามมูลนิธิที่มีตัวตน ออกใบเสร็จรับเงินได้ชัดเจน-เป็นนามหน่วยงานรัฐ เพราะตรวจสอบได้ทางกฎหมาย-เป็นนามหน่วยงานนิติบุคคล (บริษัทฯ, องค์กร) เพราะตรวจสอบได้ทางกฎหมาย
(ขอขอบคุณภาพจากเพจ : ทนายเจมส์ LK)
สำหรับคำถามที่พบเจอบ่อยๆ
Q : เปิดรับบริจาคโอนเข้าบัญชีตัวเอง ทำได้ไหม
A : ทำได้ แต่ต้องขออนุญาตในเขตพื้นที่อำเภอ ที่มีการเปิดรับบริจาคให้ถุูกต้อง ครบถ้วนมีเอกสารยืนยันตรวจสอบได้จริงQ : เปิดบัญชีรับบริจาคในชื่อเพจ ทำได้ไหม
A : ทำได้ แต่ชื่อเพจต้องเป็นชื่อเดียวกับนามที่ใช้จดทะเบียนประกอบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หมายความว่า ชื่อเพจนั้น คือชื่อร้าน หรือ ชื่อบริษัท นั่นเอง และต้องขออนุญาตในเขตพื้นที่อำเภอ ที่มีการเปิดรับบริจาค ให้ถูกต้องครบถ้วนเช่นกัน
กล่าวโดยสรุปผู้ที่เปิดบัญชีรับบริจาคส่วนใหญ่ ในรูปแบบที่ตรวจสอบได้ จะต้องเป็นมูลนิธิ บริษัท หรือองค์กร ที่สามารถตรวจสอบบัญชีได้อย่างโปร่งใส ส่วนการโอนเข้าบัญชีบุคคลเป็นการส่วนตัว จะต้องมีผู้ร้องทุกข์ถึงจะตรวจสอบได้ อย่างไรก็ดี ผู้เปิดรับบริจาคก็มีทั้งผู้บริสุทธิ์ใจและมิจฉาชีพ เพราะฉะนั้นหากคุณเป็นผู้บริจาค และต้องการให้ความช่วยเหลือถึงมือผู้ประสบภัยจริง ก็เลือกเดินทางไปเอง หรือผ่านหน่วยงานที่เชื่อถือได้จะดีกว่าและจะปลอดภัยกว่า
(ขอขอบคุณภาพจากเพจ : ทนายเจมส์ LK)
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ : กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
ขอขอบคุณเพจ ทนายเจมส์(และทีมงานทุกท่าน) ที่ได้ให้ความรู้ที่ดีเช่นนี้ต่อผู้อ่าน ต่อแฟนเพจด้วยดีตลอดมาและทีมงานขออนุญาตนำองค์ความรู้ที่ดีเช่นนี้ มาเผยแพร่ต่อไปในช่วงที่กระแสข่าวการบริจาคเงิน กำลังเป็นที่ถกเถียงในสังคมไทย