svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

หอการค้าเตือนทุนญี่ปุ่นหนีไทยหากเมิน CPTPP

กลินท์ ส่งสัญญาณทุนญี่ปุ่นย้ายหนีไปเวียดนาม หากไทยเมินเข้าร่วมCPTPP อัดรัฐบาลไม่มีจุดยืนชัดเจนต่อกระบวนการเข้าร่วม เตะไปเตะมา ชี้การสมัครเจรจาปีหน้าอาจทำให้งานยากขึ้น ด้าน กกร.ตั้งคณะทำงานศึกษาข้อดีข้อเสียCPTPP ควบคู่กับการทำงานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ขณะที่ พาณิชย์ เสนอตั้งกองทุนเอฟทีเอเยียวยากลุ่มได้รับผลกระทบ ส่วนไทยสมัครเข้าร่วมไม่ทันส.ค.นี้ ต้องให้สภาฯตัดสินก่อนเสนอไปยังรัฐบาล

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศ กล่าวว่า หอการค้าไทยได้หารือหอการค้าญี่ปุ่น ซึ่งได้มีการสอบถามถึงการเข้าร่วมความตกลงCPTPPโดยทางหอการค้าญี่ปุ่นได้แจ้งหอการค้าไทยว่าความตกลงCPTPP ถือเป็นจุดบวก และต้องการให้ไทยเข้าร่วมการเจรจาCPTPP เพราะจะเป็นข้อได้เปรียบที่ไทยจะสามารถดึงดูดนักลงทุนญี่ปุ่น รวมถึงทั่วโลกให้เข้ามาลงทุนในไทยได้ แต่หากว่าไทยไม่เข้าCPTPP ก็อาจทำให้การลงทุนจากญี่ปุ่นย้ายลงทุนจากไทยไปประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นสมาขิก CPTPP แทนไทยได้  นอกจากนี้ ภาคเอกชนต้องการความชัดเจนจากรัฐบาลถึงจุดยืนต่อการเข้าร่วมCPTPP เพราะขณะนี้เป็นการเตะไปเตะมา จะเอาหรือไม่เอา ซึ่งรัฐบาลไม่ดีไซน์เรื่องนี้ออกมาให้ชัดเจน เพราะมองว่าการเข้าร่วมสมัครเจรจาCPTPP ควรตัดสินใจให้เร็ว  
ส่วนกรณีที่ทางคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาการเข้าร่วมCPTPP จะขอรัฐสภายืดระยะเวลาพิจารณาออกไป 60 วัน ทำให้ไทยอาจสมัครเข้าร่วมเจรจา CPTPP ไม่ทันเดือนส.ค.นี้ ต้องรอสมัครไปถึงปีหน้านั้น มองว่าถ้าปีนี้ไทยสมัครเข้าร่วมเจรจาCPTPP ไม่ทัน และไปสมัครปีหน้า ก็อาจทำให้การเจรจายากขึ้น  จากเดิมเจรจา 7 ประเทศ แต่ปีหน้าจะต้องเจรจาเพิ่มอีก 4 ประเทศ ที่กำลังจะลงสัตยาบรรณเป็นสมาขิก ซึ่งยืนยันว่ากระบวนการเจรจา ใช้เวลา 4 ปี ไม่ใช่สมัครแล้วเข้าได้เลย ดังนั้นจึงมีเวลาในการเจรจาและการปรับตัว แต่หากการเจรจาสุดท้ายเห็นว่าไทยเสียเปรียบหรือปรับตัวไม่ได้ ก็สามารถถอนตัวได้ ดังนั้นการสมัครเข้าร่วมเจรจาไปก่อนจะทำให้ไทยรู้ข้อได้เปรียบเสียเปรียบ
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มองว่า CPTPP  ต่างกันสิ้นเชิงกับ TPP เพราะการถอนตัวของสหรัฐฯ ทำให้ประเด็นข้อกังวลสำคัญโดยเฉพาะทรัพย์สินทางปัญญาถูกถอนออกไปด้วย และแม้ยังมีข้อกังวลอยู่ในหลายประเด็น แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการเจรจา และหลายประเทศ ก็สามารถขอเวลาในการปรับตัวได้ เช่น มาเลเซีย และเวียดนาม ก็ขอเวลาปรับตัว 8-10 ปี ในเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง ที่เปิดให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนได้ ซึ่งถึงเวลานั้น ทุกประเทศ ก็จำเป็นต้องปรับตัวและพัฒนาขึ้นอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ กกร. กำลังตั้งทีมศึกษาผลดีผลเสีย เพื่อให้มีความชัดเจนมากขึ้น และคาดว่าจะเสร็จภายในปีนี้ ก่อนจะเสนอเป็นอีกหนึ่งโมเดลให้กับทุกภาคส่วน ซึ่งจะไม่มีความซ้ำซ้อนกับทุกผลการศึกษาที่ออกมาก่อนหน้านี้ เพราะจะเป็นข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมาธิการฯได้มีมติจะเสนอสภาฯยืดระยะเวลาพิจารณาออกไป 60 วัน ส่วนปีนี้จะสมัครเจรจาCPTPP ทันหรือไม่ขึ้นอยู่กับความเห็นสภาฯที่จะเสนอรัฐบาล แต่ในเวทีประชุมกรรมาธิการฯได้มีการหารืออย่างรอบด้าน โดยเฉพาะประเด็นที่เป็นข้อขัดแย้งที่ต้องหารือทั้งเรื่องการคุ้มครองพันธุ์พืช สิทธิบัตรยา การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และมาตรฐานแรงงาน ซึ่งข้อกังวลเหล่านี้ได้มีการพูดถึงอนาคตว่าไทยควรเตรียมตัวอย่างไรเพื่อพัฒนาประเทศ และมีการเสนอแนวทางที่จะช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ โดยจะมีการตั้งกองทุนเอฟทีเอขึ้นมาดูแล ซึ่งจะหารือกับกระทรวงการคลังต่อไป ส่วนเม็ดเงินกองทุนจะหารืออีกครั้ง และเงินจะนำมาจากไหน เข่น เก็บเงินจากเอกชนเข้ากองทุนเอฟทีเอ ก็เป็นรูปแบบหนึ่งที่หารือ ก็จะพิจารณารูปแบบอีกครั้ง