
รายงานข่าวล่าสุดจากเพจ "ในนามของความสงบเรียบร้อย" โพสต์ข้อความเล่าเรื่องราว "วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ " หรือ ต้าร์ ในบางมุมของชีวิต จากเพื่อนคนสนิท ระบุว่า "ชีวิตคนหนึ่งคน มีมากกว่าเรื่องที่เราเห็นเป็นข่าว..สั้น ห้วน และแห้งแล้ง สื่อมวลชนหลายแขนงไขว้เขวตามการปัดความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ และการบิดเบือนของผู้ไม่หวังดี วนเวียนอยู่กับการถามว่า "จัดฉากหรือเปล่า"
"มีบ่อยมากที่เขาโทรมาแล้วเค้าเหงา เค้าเหนื่อย เค้าท้อเค้าก็จะร้องไห้ คิดว่าต้าอยากกลับบ้านค่ะ อยากกลับมาเมืองไทย "
ส่วนญาติมิตรของเขา ได้แต่เฝ้านับเวลารอคอยการกลับมาทุกวินาที ทีมงานได้รับการติดต่อจากเพื่อนทางไกลของ "วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์" เธอเล่าว่ารู้จักและติดต่อกันทางอินเตอร์เน็ต คุยผ่านวีดีโอคอลมาตลอด และนัดหมายว่าจะไปเยี่ยมเยียนเขาหลังหมดโควิด แต่ก็เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน
...#ช่วยแนะนำตัวครับ
เป็นเพื่อนของต้าร์นะคะ รู้จักต้าร์เมื่อห้าปีที่แล้วค่ะรู้จักกันทาง Facebook เนื่องด้วยเราสนใจเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจก็เลยคุยกันเรื่องงานเป็นส่วนใหญ่ หลังจากนั้น ก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิทมากที่สุด เราจะคุยกันทุกเรื่องเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว #ต้าร์เป็นคนยังไงเค้าเป็นคนใจดี ตลก เป็นคนจริงจัง นิสัยดีมาก มีน้ำใจ เป็นเพื่อนที่ดี คอยเป็นที่ปรึกษาให้เรา เค้าเป็นนักกิจกรรมนะคะเค้าชอบทำอะไรตลอดเวลา ขยัน
#เขาลำบากไหม
เรารับรู้ได้ว่าเค้าทั้งเหงาทั้งรู้สึกโดดเดี่ยว และมีความเครียดและกดดัน เวลาต้าร์เหงาจะโทรมาร้องเพลงให้ฟัง เค้าระบายความรู้สึกให้เราฟังหลายหลายอย่าง เค้าเคยร้องไห้ เราเข้าใจว่าเค้ารู้สึกกดดันในเรื่องส่วนตัว เราจะคอยฟังเรื่องที่เค้าเล่า บางทีเค้าอยากระบาย ตามประสาคนที่ต้องอยู่คนเดียว เราคุยกันบ่อยแทบทุกวัน บางทีก็คุยกันเรื่องวันนี้ทำอะไรกินหลายครั้งเค้าชอบพูดว่า #ถ้าเราตายไปจะเป็นยังไงต้าร์จะค่อนข้างเหงามีเครียดบ้างเพราะเข้าใจว่าสถานภาพของคนที่ลี้ภัยก็ไม่สามารถใช้ชีวิตปกติได้มากนัก#เขาทำมาหากินอะไรครับล่าสุดคือต้าร์เค้าทำร้านอาหารเล็ก ๆ นะคะ ก็มีอาหารไทยมีพวกส้มตำด้วย เปิดมาได้สักพักแล้วค่ะ เค้าเคยส่งรูปมาให้ดูก็มีผู้ชายประมาณสองสามคนค่ะ มีแม่ครัว แคชเชียร์ มีทีมงานอยู่นะคะ น่าจะเป็นคนในพื้นที่ค่ะ มีคนไทยหรือเปล่าไม่แน่ใจค่ะแต่เท่าที่เค้าเล่ามาเป็นคนกัมพูชาค่ะส่วนธุรกิจอย่างอื่นก็น่าจะมีการวางแผนเรื่องการทำเกษตรค่ะโดยปกติแล้วเค้าจะไม่ค่อยออกไปไหนเลย ใช้ชีวิตสมถะเรียบง่าย#เขาเคยเล่าไหมว่าทำไมออกไปจากเมืองไทยเหมือนเค้าไม่ค่อยอยากพูดถึงสักเท่าไหร่นะคะ เรารู้สึกว่าเค้ากำลังเครียดหรือเจ็บปวด เราก็เลยไม่ถามค่ะเราคอยปลอบใจ มีบ่อยมากที่เขาโทรมาแล้วเค้าเหงา เค้าเหนื่อย เค้าท้อเค้าก็จะร้องไห้ คิดว่าต้าอยากกลับบ้านค่ะ อยากกลับมาเมืองไทย แต่เค้าโดนยกเลิกพาสปอร์ต แล้วก็มีคดีติดตัวอย่างที่เราทราบกันในข่าวค่ะเราคุยกันว่าถ้าหมดโควิดแล้วเราจะไปเยี่ยมเขาที่นั่น เค้าบอกว่าอยากให้เรามาไว ๆ เค้าอยากเจอเพราะมันคุยกันแต่ทางโทรศัพท์ ต้าร์บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วยเยอะแยะไปหมด#เรายังรอวันนั้นอยู่วันที่ต้าร์จะกลับมา(ขอบคุณที่มาข้อมูล : เพจ ในนามของความสงบเรียบร้อย)
ฟัง"พี่สาว" เล่านาที ผู้เป็นน้องชาย หายตัวในกัมพูชา
จากรายงานข่าวของ บีบีซีไทย เผย บทสัมภาษณ์ "พี่สาว" เล่านาที "วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์" ผู้เป็นน้องชาย หายตัวไปในกัมพูชา
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2563 สำนักข่าว BBC Thai (บีบีซีไทย) เผยแพร่ข่าวเรื่อง "วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ : พี่สาวเล่านาทีน้องชายหายตัวไปในกัมพูชา เผย ตร.ไทยไปเยี่ยมแม่ที่อุบลฯ เมื่อเดือน พ.ค." โดยเนื้อหาระบุว่า พี่สาวของ นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ลี้ภัยทางการเมืองชาวไทยที่อาศัยอยู่ในกัมพูชา เผยนาทีที่น้องชายหายตัวไปจากหน้าคอนโดฯ ที่พักอาศัยในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ขณะกำลังคุยโทรศัพท์ผ่านแอปพลิเคชัน Line ด้วยกันน.ส.สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ให้สัมภาษณ์บีบีซีไทย ว่าเธอคือผู้ที่พูดคุยกับนายวันเฉลิมในนาทีที่เชื่อว่าเขา "ถูกอุ้ม" เมื่อวานนี้ (4 มิ.ย.63) ในเวลาประมาณ 16.35 น. ตามเวลาไทย และได้ยินเสียงน้องชายร้องตะโกนว่า "หายใจไม่ออก ๆ " อยู่ร่วม 30 นาที
พี่สาวคนโตวัย 47 ปี เล่าว่าขณะเกิดเหตุกำลังพูดคุยกับนายวันเฉลิมเรื่องการหาลู่ทางพัฒนาและลงทุนทำธุรกิจเกี่ยวกับการปลูกกล้วยและอ้อยในกัมพูชาเพื่อส่งขายไปยังประเทศจีน โดยเธอและน้องชายจะพูดคุยเรื่องธุรกิจกันเป็นประจำผ่านแอปพลิชัน Line"ในโทรศัพท์น้องบอกว่าเขามาซื้อของที่มินิมาร์ทใกล้คอนโดฯ นะ ตอนนี้ออกจากมินิมาร์ทแล้ว ขอแวะซื้อลูกชิ้นก่อน สั่งลูกชิ้นแล้ว เรายังถือหูอยู่ คุยกันอยู่ เล่าเรื่องที่เขาไปประชุมมา และรายงานผลว่าจะทำไงต่อ แล้วสักพักได้ยินเสียงเหมือนปัง เราคิดว่าน้องเหมือนโดนรถชน เขาบอกว่าหายใจไม่ออก ๆ แล้วก็มีเสียงคนเขมร 3-4 คน เราคิดว่าน้องเกิดอุบัติเหตุ เราบอกเขาว่าให้ทุบหน้าอกจะได้ดีขึ้น แต่เขาตะโกนบอกว่าหายใจไม่ออก ๆ อยู่ประมาณ 30 นาที แล้วสายก็ตัดไป เราโทรกลับไปที่ไลน์ทั้งสองเบอร์ ขอให้เขาแจ้งกลับมาด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะพี่เป็นห่วง"ทันทีหลังจากนั้นพี่สาวของนายวันเฉลิมได้ติดต่อกับคนไทยที่รู้จักในกัมพูชาให้ติดตามหาน้องชายที่เชื่อว่าได้รับอุบัติเหตุ แต่เพียง 20 นาที หลังจากนั้นก็ได้รับแจ้งว่าน้องชายถูกอุ้มหายตัวไป"เขาบอกว่าพี่เจนทำใจดี ๆ นะ ต้าร์โดนอุ้มไป"น.ส.สิตานัน กล่าวว่าเมื่อไล่เรียงลำดับเหตุการณ์ทำให้เข้าใจได้ว่าเสียงดัง "ปัง" ที่เธอได้ยินนั้นไม่ใช่เสียงรถชน แต่น้องชายน่าจะถูก "ชาร์จ" ตัว และมีการวิ่งหนี เสียงที่ได้ยินน่าจะเป็นเสียงดังตึงตัง ขณะนายวันเฉลิมขัดขืนและวิ่งหนี ซึ่งในเวลาต่อมา เธอก็ได้รับข่าวเดียวกันนี้จากอีกหลายคนขณะนี้ น.ส.สิตานัน มีความเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ว่าน้องชายจะมีชีวิตรอด"คือว่าถ้าถามส่วนตัวว่าถ้าคนคิดต่างออกไปจากเรา จะต้องมีโทษขนาดนี้เลยเหรอ เราไม่ได้ฉกชิงวิ่งราว ฆ่าข่มขืนใคร แค่ติดต่าง ต้องฆ่ากันเลยเหรอ"น.ส.สิตานัน กล่าวอีกว่าเมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 20.30 น. มีตำรวจ 6 นายเดินทางไปที่บ้านพักของมารดาวัย 63 ปี โดยตำรวจ 5 นาย ได้ลงจากรถไปสอบถามว่านายวันเฉลิมอยู่ที่บ้านที่จังหวัดอุบลราชธานีหรือไม่ ซึ่งแม่ของนายวันเฉลิมแจ้งว่าไม่ทราบ"เขาไปถามแม่ว่าอยู่ไหม มาไหม เขาถามปกติ เขาคงได้รับคำสั่งให้มาดูว่ามาหรือไม่ แม่บอกว่าไม่ทราบ เมื่อก่อนตอนที่เกิดเรื่องใหม่ ๆ ตำรวจไปทุกอาทิตย์ ไปทุกเดือน แล้วก็เว้นระยะไป เราก็คิดว่ามันซาไปแล้วไม่น่าจะมีอะไร"
"วันเฉลิม" คือใคร?? ผู้ลี้ภัยที่ถูก #อุ้มหาย เขาคนนี้เป็นใครกัน?
มาย้อนทำความรู้จักกับ นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ชายคนนี้ชื่อเล่นว่า "ต้าร์" ปัจจุบันเขามี อายุ 37 ปี เป็นคนไทยและมีผู้ติดตามอ่าน ทุกฝีก้าวของจังหวะชีวิตและการเคลื่อนไหวทางการเมืองของเขา ผ่านทางเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า "Wanchalearm Satsaksi" ด้วยสถานะเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมือง หลังจาก 8 มิถุนายน 2557 หรือภายหลังการทำรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 "วันเฉลิม" ทำงานเป็น NGO เกี่ยวกับเยาวชนด้านเอชไอวี/เอดส์ และเป็นแอดมินเพจ "กูต้องได้ 100 ล้าน จากทักษิณแน่ๆ" เมื่อครั้งเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ปี 2553
"วันเฉลิม" ปฏิเสธที่จะเข้ารายงานตัวตาม "คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)" หลังรัฐประหาร โดยเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มบุคคลที่ถูกเรียกคสช.เรียกให้ไปรายงานตัว จึงมีการออกหมายจับในข้อหาฝ่าฝืนไม่มารายงานตัวตามคำสั่ง คสช. และยังรวมไปถึงหมายจับคดีผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เมื่อปี 2561 กรณีโพสต์ข้อความบิดเบือนให้ร้ายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เกี่ยวกับการปราบปรามยาเสพติด และยังเป็น 1 ใน 14 ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เมื่อปี 2558 ด้วย
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว Human Rights Watch ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลต่อการลักพาตัววันเฉลิมและเรียกร้องให้ทางการกัมพูชาออกมาชี้แจงเรื่องนี้ทันที แถลงการณ์ระบุว่า "กรณีการลักพาตัวนักเคลื่อนไหวทางการเมืองชาวไทยในกรุงพนมเปญ เป็นเรื่องที่ทางการกัมพูชาต้องออกมาชี้แจงโดยทันที" แบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการ HRW ประจำภูมิภาคเอเชีย กล่าวพร้อมกับเรียกร้องให้สืบสวนและตามหาตัววันเฉลิมอย่างเร่งด่วนเพื่อให้แน่ใจว่าเขาปลอดภัย
รวมไปถึงแถลงการณ์ของ Amnesty ก็ได้พุ่งเป้าไปที่รัฐบาลกัมพูชาเช่นเดียวกัน โดยระบุว่าทางการกัมพูชาจะต้องตามหาตัววันเฉลิมอย่างเร่งด่วนเพื่อให้แน่ใจว่าเขาปลอดภัย และหากพบตัว จะต้องไม่ส่งกลับประเทศไทย เพราะ "เสี่ยงที่จะถูกประหัตประหาร"หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ขณะนี้โลกทวิตเตอร์แฮชแท็ก #saveวันเฉลิม ติดเทรนด์อันดับ 1 ประเทศไทย ซึ่งเรื่องราวของเขานั้นทำให้หลายๆ คนตระหนักได้ถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนอีกด้วย(ขอบคุณที่มาข้อมูล : ฐานเศรษฐกิจ)
สำหรับประเด็น "อุ้มหาย"ครั้งนี้คงต้องเกาะติดข่าวในทุกกระแสความเคลื่อนไหวกันต่อไปว่า ทางหน่วยไหนจะออกมาเป็นฝ่ายที่จะออกมาเป็นเจ้าภสพและตั้งทีมตามหา และเรื่องราวทั้งหมดนี้จะคลี่คลายออกมาในรูปแบบไหนกันแน่ ทีมข่าวจะรายงานให้ทราบอีกครั้ง หากมีความคืบหน้าใดๆ