
การลงพื้นที่ครั้งนี้ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้มอบหมายให้นำเลโก้ สมุดเครื่องเขียน กระติกน้ำ ขนม โต๊ะเขียนหนังสือมอบให้เด็กๆเพื่อเป็นการเสริมกิจกรรมให้นักเรียนได้ใช้กล้ามเนื้อมือและการสร้างสรรค์ความคิดผ่านอุปกรณ์ที่มอบให้การเยี่ยมนักเรียนปลายทางที่บ้าน ในสถานการณ์ที่ไม่มีครูควบคุมชั้นเรียน พบว่าด.ช.นพคุณ พุ่มสลิด ชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนวัดสิงห์คุ้นเคยกับการเรียนผ่านครูตู้ มีความสนใจและโต้ตอบ ทำกิจกรรมต่างๆได้และมีบางเวลาที่อยากเล่นซนตามวัยซึ่งมีผู้ปกครองคอยช่วยกระตุ้นเตือนเป็นระยะๆนอกจากนี้ ยังสามารถท่องสูตรคูณแม่ 12 ได้และนับจำนวนคนที่มาเยี่ยมบ้านได้อย่างคล่องแคล่วมีทักษะการสื่อสารโต้ตอบได้ดี และครูให้การใส่ใจมาบ้านนักเรียนสม่ำเสมอมีการเตรียมใบงานต่างๆ
ส่วนเด็กหญิงขนิษฐา เรือนงาม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 และเด็กหญิงสุภัสรา เรือนงาม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนวัดสาธุการาม คุ้นเคยในการเรียนกับครูตู้อย่างดี เพราะเรียนมาตั้งแต่ชั้น ประถมศึกษาปีที่ 1 จึงเรียนรู้ได้อย่างมีสมาธิ และรู้เวลา พร้อมทั้งเปิด ปิด ทีวีเอง แม้จะไม่มีครูคอยควบคุม จากการพูดคุย พบว่า เด็กหญิงขนิษฐา (ชั้นป.4) อ่านหนังสือได้คล่อง และชอบการเรียนการสอนวิชาภาษาไทยกับครูตู้มาก อนาคตอยากเปิดร้านขายของ ในขณะที่เด็กหญิงสุภัสรา (ชั้นป.6) ในอนาคตอยากเป็นหมอ มีความรับผิดชอบสูง และเป็นผู้นำ คอยส่งข้อความทางsocial (Facebook)แจ้งเตือนเพื่อนๆ เมื่อถึงเวลาเรียน รวมทั้งคอยดูแลน้อง และช่วยอธิบายให้น้องฟังด้วย และเรียนไปพร้อมๆกัน แต่คนละเครื่อง ชอบวิชาคณิตศาสตร์อย่างมาก เหตุผลเพราะชอบครูตู้ที่สอนสอนดี สอนละเอียด เช่น เรื่องเศษส่วนอธิบายได้ดี จนสามารถนำความรู้ไปสอนเพื่อนๆ ได้
ครอบครัวนี้ เป็นครอบครัวใหญ่ อยู่ร่วมกัน ปู่ ย่า ตา ยาย น้า อา ทุกคนในบ้านจึงสลับกันดูแลนักเรียน ภาพที่ได้ เป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสมาชิกในครัวเรือนผ่านการเรียนของลูกหลาน รวมทั้ง ตาภูมิใจที่เป็นคนต่ออุปกรณ์ให้หลานเรียน ปู่คอยเดินดูนักเรียน สร้างการมีส่วนร่วมของทุกคน ยังฝากบอกมาด้วยว่า สบายใจที่นักเรียนอยู่บ้านแล้วมีสิ่งที่ดีให้นักเรียนได้ทำ และยังได้เห็นครู และ ผู้อำนวยการโรงเรียนมาช่วยแก้ปัญหาเพื่อให้เด็กได้มีช่องทางการเรียนด้วย
จากการนำทีมจากพื้นที่ของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดในครั้งนี้ ทางผู้อำนวยการโรงเรียนได้แจ้งว่า โรงเรียนกำลังช่วยกันแก้ไขปัญหาอีก 14 ครัวเรือน ที่ยังไม่มีอุปกรณ์ และต้องไม่เป็นภาระกับผู้ปกครอง จึงได้ข้อสรุปที่จะช่วยกันทั้งวิทยาลัยเทคนิคสิงห์บุรี กศน. จังหวัดและตำบล จะช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่างทั่วถึง รวมทั้งยังได้หารือแนวทางต่อในวันที่ 1 กรกฎาคม ที่จะเปิดเรียนจริงที่โรงเรียนโดย สพม.5 มีความกังวลในการเดินทางของนักเรียนในโรงเรียนขนาดใหญ่ซึ่งผลการหารือกันได้ข้อสรุปว่า นักเรียนต้องมีFace Shieldและทุกฝ่ายจะหารือเตรียมพร้อมกันอย่างละเอียดอีกครั้ง ทั้งๆที่จังหวัดสิงห์บุรีไม่มีการรายงานผู้ป่วยการติดเชื้อcovid-19 เลย แต่ยังมีการเตรียมการอย่างดีของทุกภาคส่วนร่วมกันอย่างเข้มแข็ง
ซึ่งในการลงพื้นที่ ครั้งนี้ ดร.พิเชฐร์ วันทอง ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สิงห์บุรี พร้อมด้วย รอง ผอ.สพป. เป็นผู้นำคณะไปเยี่ยมนักเรียนที่บ้าน เป็นการจัดการเรียนรู้ที่ตอบนโยบายของนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.)"โรงเรียนหยุดได้ แต่การเรียนรู้หยุดไม่ได้"ได้อย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ นายประเสริฐ บุญเรือง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งมอบหมายให้ทุกๆคน ช่วยสื่อสาร รับฟัง และทำความเข้าใจกับผู้ปกครองโดยเน้นย้ำ ไม่ทำให้เกิดภาระกับผู้ปกครอง ด้วยการทำงานในรูปแบบของการบูรณาการเชื่อมโยงการทำงานของบุคลากรและหน่วยงานด้านการศึกษาในจังหวัดนั้นๆอย่างเต็มที่ ซึ่งการบูรณาการในครั้งนี้ของจังหวัดสิงห์บุรี ถือเป็นประโยชน์และเป็นแบบอย่างของพื้นที่ทางการศึกษาที่เข้มแข็งของกระทรวงศึกษาธิการอย่างแท้จริง