
ที่ จ.ชัยภูมิ พล.ต.ต.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ สั่งระดมชุดสืบสวนจัดชุดติดตามเฝ้าระวังกลุ่มผู้กระทำความผิดทางเทคโนโลยีในเขตพื้นที่ของตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ ที่อาจเกิดขึ้นได้ง่ายในช่วงเกิดภาวการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 ซึ่งอยู่ในช่วงรัฐบาลต้องออก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ห้ามประชาชนออกนอกบ้านในช่วงเวลาห้าม
ตามแผนปฏิบัติการของพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.3 จนล่าสุดทางด้านพล.ต.ต.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการปราบการปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยี ของตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ ให้เฝ้าติดตามป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในเรื่องต่างๆ ในสื่อออนไลน์ ในช่วงที่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องกักตัวอยู่ภายในเคหะสถานเพราะเกรงว่าประชาชนผู้สุจริตทั่วไปจะตกเป็นเหยื่อจากการกระทำความผิดของมิจฉาชีพที่อาจอาศัยจังหวะเวลาดังกล่าวในการกระทำความผิดในหลากหลายรูปแบบ
โดยล่าสุดได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ไพโรจน์ ขุนหมื่น รอง ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ ,พ.ต.อ.สรวิศ มาอินทร์ ผกก.สส.ภ.จว.ชัยภูมิ, จัดชุดสืบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เทพสถิต ในท้องที่นำโดย พ.ต.ท.สุราษ แก้ววังปา สว.สสฯ หลังได้เบาะแส มีผู้ใช้แอพพลิเคชั่นทวิตเตอร์ รายหนึ่งมีการเผยแพร่ภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว สื่อลามกอนาจารของตนเองลงไปในโซเชียลมีเดีย จำนวนหลายภาพ มีการเชิญชวน ชักชวน การขายบริการทางเพศ อย่างชัดเจน ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ลงพื้นที่
เข้าตรวจสอบบริเวณหน้าบ้านของน.ส.อี (นามสมมุติ) อายุ 22 ปี ชาว อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ เพื่อตรวจสอบหลักฐานการกระทำผิดดังกล่าว โดยน.ส.อีฯให้การรับว่า ตนได้ทำการเผยแพร่ภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวของตนเอง ซึ่งเป็นภาพลามกอนาจารลงไปสื่อในโซเชียลมีเดียจริง เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวอยู่บ้านพักว่างๆตกงานไม่มีรายได้ จึงมีความคิดอยากหาเงินโดยให้เรือนร่างของตนเองในการถ่ายภาพและคลิปในลักษณะลามกเพื่อแลกกับการดึงลูกค้าผู้ชาย
ที่สนใจเข้าร่วมกลุ่มลับกับตนเองจะต้องโอนเงินจ่ายค่าสมาชิกก่อนเข้าก่อนรายละ 300 บาท จึงจะได้มีส่วนร่วมมาดูภาพเสียว และจะมีโอกาสมาร่วมเพศกับเธอด้วยก็ได้ ที่จะนำไปโชว์ในกลุ่มผ่านทางทั้ง ทวิตเอตร์ และ เฟซบุ๊ค โดยเธอเองเป็นนางแบบทั้งภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว รวมถึงมีการนัดหมายกับสมาชิกในกลุ่มทำการไลฟ์สดโชว์ภาพลามกและร่วมเพศ ดังกล่าวขึ้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงร่วมกันทำการควบคุมตัว พร้อมด้วยของกลาง 1.โทรศัพท์ยี่ห้อ vivo v19 สีเงิน จำนวน 1 เครื่อง 2.โทรศัพท์ยี่ห้อ iphone6plus สีชมพู จำนวน 1 เครื่อง
ซึ่งในเบื้องต้นได้แจ้งข้อหาในความผิดฐาน นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูล คอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ ม.14(4) ข้อหาเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน ทำ ผลิต มีไว้ หรือทำให้แพร่หลายโดยประการใด ๆ ซึ่งเอกสาร ภาพเขียน ภาพพิมพ์ ภาพระบายสี สิ่งพิมพ์ รูปภาพ ภาพโฆษณา เครื่องหมาย รูปถ่าย ภาพยนตร์ แถบบันทึกเสียง แถบบันทึกภาพหรือสิ่งอื่นใดอันลามก ตาม ประมวลกฎหมายอาญา ม.287(1) และติดต่อ ชักชวน แนะนำตัว ติดตามหรือรบเร้าบุคคลในที่อื่นใด เพื่อการค้าประเวณีอันเป็นการเปิดเผยและน่าอับอายหรือเป็นที่เดือดร้อนรำคาญแก่สาธารณชน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันปราบปรามการค้าประเวณีฯ ม.5
ขณะที่ทางพล.ต.ต.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ ฝากเตือนประชาชนซึ่งใช้สื่อออนไลน์ทุกชนิดว่าควรใช้ในด้านที่สร้างสรรค์ ไม่มีการฝ่าฝืนกฎหมายบ้านเมือง หรือศีลธรรมอันดี หากต้องการจะหาเงินจากสื่อใดๆ ควรเป็นไปตามกฎหมาย และความเหมาะสม
ทั้งนี้ ศูนย์ปฏิบัติการปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยี ของ ตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ จะเฝ้าติดตามเพื่อทำการจับกุมผู้กระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ตามนโยบายของ ผบ.ตร. และ ผบช.ภ.3 ต่อไป โดยขอให้พี่น้องประชาชนผู้สุจริตหากพบการกระทำความผิดในทุกรูปแบบปรากฎในโลกออนไลน์สามารถโทรแจ้ง จนท.ตร.ทุกำพื้นที่ได้ตลอด 24 ชม. ทางหมายเลขโทรศัพท์ 191 และ ทางเพจเฟซบุ๊ค "ตำรวจชัยภูมิ ยินดีรับใช้ประชาน"