svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

หมอทดลองเอง! ใส่หน้ากากอนามัยวิ่ง อันตรายจริงหรือไม่

"หมอแนท พญ.นิษฐา เอื้ออารีมิตร" ลุยทดลองเอง ไขข้อข้องใจ ใส่หน้ากากอนามัยวิ่ง อันตรายจริงหรือไม่ ไม่แนะนำให้คนมีโรคประจำตัวใส่แมกส์ออกกำลังกาย เผยลทดลองอาจต่างกัน

(10 พฤษภาคม 2563)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พญ.นิษฐา เอื้ออารีมิตร หรือ หมอแนทแพทย์ชำนาญพิเศษด้านอายุรศารตร์โรคระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลเอกชัยได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพขณะที่ พญ.นิษฐาได้ทดลองสวมหน้ากากอนามัยวิ่งพร้อมวัดค่าต่าง ๆ ของร่างกายเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง โดยข้อความระบุว่า


ผลการทดลองใส่หน้ากากวิ่ง" ใส่หน้ากากวิ่ง แล้วเป็นยังไงสงสัยกันมานาน ลองกับตัวเองซะเลย เพราะตอนนี้สวนเปิด คนเริ่มใส่หน้ากากไปวิ่งสวน มีอยู่2 แบบ คือ ใส่ตลอด และใส่เข้าสวน แล้วถอดตอนวิ่ง แล้วใครผิด ถูกตอบได้มั้ย?


พญ.นิษฐา ระบุต่อว่า ต้องเข้าใจก่อนว่าใส่หน้ากาก เข้าที่สาธารณะเพราะอะไร 1.กันเราติดเชื้อจากคนอื่นอันนี้ ถ้าถอดหน้ากากออก ก็แค่เดือดร้อนตัวเองใช่มะ เราอาจจะไม่แคร์ 2.กันคนอื่นติดเชื้อจากเรา อันนี้ถ้าถอดหน้ากากออกจะส่งผลเสียกับส่วนรวมถูกไหม อย่าบอกว่าเราไม่เป็น ไม่มีอาการเพราะตอนนี้ข้อมูลออกมาเยอะพอควรแล้วว่ามีคนมีเชื้อ แต่ไม่มีอาการ และสามารถแพร่กระจายได้อีกด้วย


ในสวนสาธารณะ มีอากง อาม่า อาอึ้มไปรำมวยจีน ไท้เก๊ก มากมายคนเหล่านี้เปราะบางมาก ถ้าเราดันเป็น asymptomaticcarrier (มีเชื้อแต่ไม่มีอาการ) แล้วเราถอดหน้ากากออกก็อาจจะกระจายเชื้อให้อากงที่เราวิ่งผ่านก็ได้ ซึ่งไม่ควรทำอย่างยิ่ง โดยสรุปถ้าไม่สามารถอยู่ห่างไกลคน เกิน 2 เมตรได้ต้องใส่หน้ากากเสมอ เพื่อกันทั้งเราและคนอื่น


และคำถามที่สงสัยมานาน ว่าใส่หน้ากากวิ่งแล้วจะเป็นยังไงก่อนหน้านี้มีแต่คำอธิบายตามหลักการ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง วันนี้จะมาเล่าให้ฟังเป็นผลการทดลองกับตัวเอง (เล่นเอง เจ็บเอง นักเลงพอ)


หมอทดลองเอง! ใส่หน้ากากอนามัยวิ่ง อันตรายจริงหรือไม่


ต้องบอกก่อนว่า ตอนนี้เป็นผญ. อายุ 38 ปี regular exercise (ตอนนี้ไม่ได้ฟิตสุดๆ เพราะบาดเจ็บแต่ยังออกกำลังกายสม่ำเสมอ) VO2 max ตาม garmin 49 (เศร้า เพราะปลายปีที่แล้วได้ 54) ปกติตอนนี้วิ่ง pace 6.3 min/kmหัวใจจะเต้นประมาณ125-132 ครั้งต่อนาที (VO2max คือการใช้ออกซิเจนของร่างกายในระดับสูงสุดเมื่อเราออกกำลังกายหนักสุดที่ไหว)


โดยสมมติตัวอย่าง real lifepractice คือ คิดว่าชีวิตจริง คนที่ใส่หน้ากากวิ่งก็จะอารมณ์ประมาณนี้ก็เลยลองทำดังนี้ สิ่งที่ต้องการดูคือ เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายบ้าง ตอนใส่หน้ากาก


การทดลองดังนี้ 1.วิ่งใส่หน้ากากผ้า แบบที่ประชาชนใช้ทั่วๆไปแบบที่เป็นทรง 3D mask ลองหายใจธรรมดาอยู่ในระดับกลางๆ ใกล้เคียงกับ surgical mask หรือหน้ากากทางการแพทย์ธรรมดา2.ออกกำลังกาย zone 2โดยเอาเพซเดิมที่เคยได้ zone 2 คือ 6.3ตอนไม่ได้ใส่หน้ากากเป็นเกณฑ์ วิ่งบนสายพาน มี warmup 5 นาที แล้ววิ่ง zone 2 ต่อจนครบ 30นาที แถมด้วยการเพิ่มเป็น zone 3 อีก 5 นาที


3.ตรวจก๊าซออกซิเจน และคาร์บอนไดออกไซด์ตั้งแต่ก่อนวิ่ง และตรวจทุก 5นาที ก่อนวิ่ง ระหว่างวิ่ง และหลังวิ่ง (สำหรับแพทย์ ก็คือ ใส่ A-line แล้ว ดูด arterial bloodgas ตรวจ ทุก 5 นาที นั่นเอง) 4.วัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในหน้ากากเพื่อดูว่ามีการคั่งของคาร์บอนไดออกไซด์ในหน้ากากส่งผลให้เราหายใจเอาคาร์บอนไดออกไซด์กลับเข้าไปใหม่หรือไม่ (วัด end-tidal CO2 โดยใช้ CO2 nasal cannula) 5.ระหว่างวิ่งจะทำการบันทึกความรู้สึกเหนื่อยอยู่ทุก 5 นาที และจะถามตัวเองตลอดว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง ขณะวิ่งกับหน้ากาก 6.ทำการทดลองในห้องแอร์ อุณหภูมิ 24 องศา


ผลการศึกษา 1.ทำจนจบ protocol ที่ตั้งใจไว้2.ไม่เหนื่อยอย่างที่คิด ความรู้สึกเหนื่อย อยู่แค่ประมาณ เหนื่อยหน่อยๆแต่รำคาญหน้ากากเยอะอยู่ 3.อัตราการเต้นของหัวใจ สูงกว่าปกติ ประมาณ 5-10ครั้งต่อนาที ในแต่ละช่วงเวลา 4.การเพิ่มขึ้นของอัตราการเต้นของหัวใจชันกว่าไม่ใส่หน้ากากเล็กน้อย(คิดว่าถ้าวิ่งหนักกว่านี้ น่าจะเห็นชัดขึ้น)


5.ไม่พบภาวะเลือดเป็นกรดเลย (pH อยู่ที่7.44-7.45 ตลอด) 6.ออกซิเจนในเลือด (PaO2) ต่ำลงเรื่อยโดยเฉพาะตอนที่เพิ่ม speed ช่วงท้ายไปเป็นzone 3 พบว่ามี mild hypoxemia หรือออกซิเจนในเลือดต่ำเล็กน้อยร่วมด้วย7.คาร์บอนไดออกไซด์ ไม่ได้คั่งอย่างที่คาดไว้ตอนแรก ปอดสามารถขับ CO2 ได้ดีมากๆ แต่! เกิดการหายใจกลับของคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 rebreathing) จริงๆจะเห็นได้จาก FiCO2 ไม่เป็น 0บางครั้งสูงถึง 8 บางครั้งลดลง ซึ่งสัมพันธ์กับการขยับหน้ากาก (ไม่ได้ถอดแค่ขยับบ้าง ซึ่งตอนนั้นขยับเพราะมันจะหลุด)


ซึ่ง CO2 rebreathing นี้ทำให้เกิดภาวะออกซิเจนต่ำตอนท้ายของการออกกำลังกาย(น่ากลัวมาก เพราะไม่รู้สึกเหนื่อยผิดปกติเลย) 8.CO2 gap ไม่สูงอย่างที่ควรจะเป็น (อันนี้คนทั่วไปข้ามได้) ภาวะปกติ ค่า PaCO2 จะสูงกว่า EtcO2 เล็กน้อย(เหมือนตอนก่อนวิ่ง และตอน recovery) แต่ขณะออกกำลังกายEtCO2 จะสูงกว่า PaCO2แต่นี่จะเห็นได้ว่า gap ไม่สม่ำเสมอคิดว่าน่าจะสัมพันธ์กับ rebreathing


หมอทดลองเอง! ใส่หน้ากากอนามัยวิ่ง อันตรายจริงหรือไม่

ข้อสังเกต 1.ไม่ใช่การทำ Cardiopulmonaryexercise test แต่เป็นการ exercise test under mask แล้ว monitor parameters ต่างๆ เท่าที่ทำได้ 2.ไม่สามารถวัด ventilation O2 consumption,CO2 production ได้ เพราะถ้าทำCPET มันจะทำคู่กับหน้ากากผ้าไม่ได้


การนำไปใช้ 1.หน้ากากผ้า แบบ 3D เวลาใช้ออกกำลังกายมีการคั่งของคาร์บอนไดออกไซด์ในหน้ากากจริงๆ ทำให้เกิดภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำเมื่อออกกำลังกายถึงจุดหนึ่ง 2.อันตรายอยู่ที่ ตอนที่เกิดภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำลงไม่ได้รู้สึกเหนื่อยแต่อย่างใด ดังนั้น การฟังเสียงร่างกาย อาจจะไม่ไวพอน่ากลัวในคนที่มีโรคหัวใจซ่อนอยู่ อาจจะทำให้เกิดภาวะวิกฤตขึ้นมาได้


3.ถ้าคน fit มากๆอยากออกกำลังกาย outdoor จริงๆควรทำเป็น low to moderate intensity exercise และทำการใส่หน้ากากให้เปิดหน้ากากออกเป็นระยะ โดยแนะนำให้แวะจิบน้ำทุก 2 กิโลเมตรช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญมาก เพราะตอนจิบน้ำเราจะเอาหน้ากากออก ตอนเอาหน้ากากออกจะเป็นช่วงที่ทำให้คาร์บอนไดออกไซด์ที่ค้างในหน้ากากได้ระบายออกและแนะนำให้ออกกำลังกายไม่เกิน 1 ชั่วโมง


4.ไม่แนะนำให้คนที่มีโรคประจำตัว หรือมีความเสี่ยงสูงต่อโรคปอดโรคหัวใจ ผู้สูงอายุ มาใส่หน้ากากออกกำลังกาย5.ไม่รู้ว่าหน้ากากแบบอื่นจะให้ผลการทดลองแบบเดียวกันมั้ย 6.ขอร้องอย่าถอดหน้ากากตอนไปที่สาธารณะที่คุณมีโอกาสอยู่ใกล้ชิดคนอื่นเกิน 2 เมตร 7.ถ้าใครพกของไปอาจจะเอาหน้ากากไปหลายชิ้น เพราะตอนหน้ากากเปียกเหงื่อ มันหายใจยากขึ้นกว่าเดิม


"ผลที่ได้จากการทดลองนี้ อาจจะแตกต่างกันก็ได้ในแต่ละบุคคลเพราะขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น ความฟิตของร่างกาย อุณหภูมิขณะวิ่ง (ยิ่งร้อนยิ่งสร้างคาร์บอนไดออกไซด์เยอะ) ลักษณะของหน้ากากที่ใช้ เป็นต้น" หมอแนท กล่าว


หมอทดลองเอง! ใส่หน้ากากอนามัยวิ่ง อันตรายจริงหรือไม่