
ผลการทดลองใส่หน้ากากวิ่ง" ใส่หน้ากากวิ่ง แล้วเป็นยังไงสงสัยกันมานาน ลองกับตัวเองซะเลย เพราะตอนนี้สวนเปิด คนเริ่มใส่หน้ากากไปวิ่งสวน มีอยู่2 แบบ คือ ใส่ตลอด และใส่เข้าสวน แล้วถอดตอนวิ่ง แล้วใครผิด ถูกตอบได้มั้ย?
พญ.นิษฐา ระบุต่อว่า ต้องเข้าใจก่อนว่าใส่หน้ากาก เข้าที่สาธารณะเพราะอะไร 1.กันเราติดเชื้อจากคนอื่นอันนี้ ถ้าถอดหน้ากากออก ก็แค่เดือดร้อนตัวเองใช่มะ เราอาจจะไม่แคร์ 2.กันคนอื่นติดเชื้อจากเรา อันนี้ถ้าถอดหน้ากากออกจะส่งผลเสียกับส่วนรวมถูกไหม อย่าบอกว่าเราไม่เป็น ไม่มีอาการเพราะตอนนี้ข้อมูลออกมาเยอะพอควรแล้วว่ามีคนมีเชื้อ แต่ไม่มีอาการ และสามารถแพร่กระจายได้อีกด้วย
ในสวนสาธารณะ มีอากง อาม่า อาอึ้มไปรำมวยจีน ไท้เก๊ก มากมายคนเหล่านี้เปราะบางมาก ถ้าเราดันเป็น asymptomaticcarrier (มีเชื้อแต่ไม่มีอาการ) แล้วเราถอดหน้ากากออกก็อาจจะกระจายเชื้อให้อากงที่เราวิ่งผ่านก็ได้ ซึ่งไม่ควรทำอย่างยิ่ง โดยสรุปถ้าไม่สามารถอยู่ห่างไกลคน เกิน 2 เมตรได้ต้องใส่หน้ากากเสมอ เพื่อกันทั้งเราและคนอื่น
และคำถามที่สงสัยมานาน ว่าใส่หน้ากากวิ่งแล้วจะเป็นยังไงก่อนหน้านี้มีแต่คำอธิบายตามหลักการ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง วันนี้จะมาเล่าให้ฟังเป็นผลการทดลองกับตัวเอง (เล่นเอง เจ็บเอง นักเลงพอ)
โดยสมมติตัวอย่าง real lifepractice คือ คิดว่าชีวิตจริง คนที่ใส่หน้ากากวิ่งก็จะอารมณ์ประมาณนี้ก็เลยลองทำดังนี้ สิ่งที่ต้องการดูคือ เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายบ้าง ตอนใส่หน้ากาก
3.ตรวจก๊าซออกซิเจน และคาร์บอนไดออกไซด์ตั้งแต่ก่อนวิ่ง และตรวจทุก 5นาที ก่อนวิ่ง ระหว่างวิ่ง และหลังวิ่ง (สำหรับแพทย์ ก็คือ ใส่ A-line แล้ว ดูด arterial bloodgas ตรวจ ทุก 5 นาที นั่นเอง) 4.วัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในหน้ากากเพื่อดูว่ามีการคั่งของคาร์บอนไดออกไซด์ในหน้ากากส่งผลให้เราหายใจเอาคาร์บอนไดออกไซด์กลับเข้าไปใหม่หรือไม่ (วัด end-tidal CO2 โดยใช้ CO2 nasal cannula) 5.ระหว่างวิ่งจะทำการบันทึกความรู้สึกเหนื่อยอยู่ทุก 5 นาที และจะถามตัวเองตลอดว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง ขณะวิ่งกับหน้ากาก 6.ทำการทดลองในห้องแอร์ อุณหภูมิ 24 องศา
ผลการศึกษา 1.ทำจนจบ protocol ที่ตั้งใจไว้2.ไม่เหนื่อยอย่างที่คิด ความรู้สึกเหนื่อย อยู่แค่ประมาณ เหนื่อยหน่อยๆแต่รำคาญหน้ากากเยอะอยู่ 3.อัตราการเต้นของหัวใจ สูงกว่าปกติ ประมาณ 5-10ครั้งต่อนาที ในแต่ละช่วงเวลา 4.การเพิ่มขึ้นของอัตราการเต้นของหัวใจชันกว่าไม่ใส่หน้ากากเล็กน้อย(คิดว่าถ้าวิ่งหนักกว่านี้ น่าจะเห็นชัดขึ้น)
5.ไม่พบภาวะเลือดเป็นกรดเลย (pH อยู่ที่7.44-7.45 ตลอด) 6.ออกซิเจนในเลือด (PaO2) ต่ำลงเรื่อยโดยเฉพาะตอนที่เพิ่ม speed ช่วงท้ายไปเป็นzone 3 พบว่ามี mild hypoxemia หรือออกซิเจนในเลือดต่ำเล็กน้อยร่วมด้วย7.คาร์บอนไดออกไซด์ ไม่ได้คั่งอย่างที่คาดไว้ตอนแรก ปอดสามารถขับ CO2 ได้ดีมากๆ แต่! เกิดการหายใจกลับของคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 rebreathing) จริงๆจะเห็นได้จาก FiCO2 ไม่เป็น 0บางครั้งสูงถึง 8 บางครั้งลดลง ซึ่งสัมพันธ์กับการขยับหน้ากาก (ไม่ได้ถอดแค่ขยับบ้าง ซึ่งตอนนั้นขยับเพราะมันจะหลุด)
ซึ่ง CO2 rebreathing นี้ทำให้เกิดภาวะออกซิเจนต่ำตอนท้ายของการออกกำลังกาย(น่ากลัวมาก เพราะไม่รู้สึกเหนื่อยผิดปกติเลย) 8.CO2 gap ไม่สูงอย่างที่ควรจะเป็น (อันนี้คนทั่วไปข้ามได้) ภาวะปกติ ค่า PaCO2 จะสูงกว่า EtcO2 เล็กน้อย(เหมือนตอนก่อนวิ่ง และตอน recovery) แต่ขณะออกกำลังกายEtCO2 จะสูงกว่า PaCO2แต่นี่จะเห็นได้ว่า gap ไม่สม่ำเสมอคิดว่าน่าจะสัมพันธ์กับ rebreathing
การนำไปใช้ 1.หน้ากากผ้า แบบ 3D เวลาใช้ออกกำลังกายมีการคั่งของคาร์บอนไดออกไซด์ในหน้ากากจริงๆ ทำให้เกิดภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำเมื่อออกกำลังกายถึงจุดหนึ่ง 2.อันตรายอยู่ที่ ตอนที่เกิดภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำลงไม่ได้รู้สึกเหนื่อยแต่อย่างใด ดังนั้น การฟังเสียงร่างกาย อาจจะไม่ไวพอน่ากลัวในคนที่มีโรคหัวใจซ่อนอยู่ อาจจะทำให้เกิดภาวะวิกฤตขึ้นมาได้
3.ถ้าคน fit มากๆอยากออกกำลังกาย outdoor จริงๆควรทำเป็น low to moderate intensity exercise และทำการใส่หน้ากากให้เปิดหน้ากากออกเป็นระยะ โดยแนะนำให้แวะจิบน้ำทุก 2 กิโลเมตรช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญมาก เพราะตอนจิบน้ำเราจะเอาหน้ากากออก ตอนเอาหน้ากากออกจะเป็นช่วงที่ทำให้คาร์บอนไดออกไซด์ที่ค้างในหน้ากากได้ระบายออกและแนะนำให้ออกกำลังกายไม่เกิน 1 ชั่วโมง
4.ไม่แนะนำให้คนที่มีโรคประจำตัว หรือมีความเสี่ยงสูงต่อโรคปอดโรคหัวใจ ผู้สูงอายุ มาใส่หน้ากากออกกำลังกาย5.ไม่รู้ว่าหน้ากากแบบอื่นจะให้ผลการทดลองแบบเดียวกันมั้ย 6.ขอร้องอย่าถอดหน้ากากตอนไปที่สาธารณะที่คุณมีโอกาสอยู่ใกล้ชิดคนอื่นเกิน 2 เมตร 7.ถ้าใครพกของไปอาจจะเอาหน้ากากไปหลายชิ้น เพราะตอนหน้ากากเปียกเหงื่อ มันหายใจยากขึ้นกว่าเดิม
"ผลที่ได้จากการทดลองนี้ อาจจะแตกต่างกันก็ได้ในแต่ละบุคคลเพราะขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น ความฟิตของร่างกาย อุณหภูมิขณะวิ่ง (ยิ่งร้อนยิ่งสร้างคาร์บอนไดออกไซด์เยอะ) ลักษณะของหน้ากากที่ใช้ เป็นต้น" หมอแนท กล่าว