
จากกรณีที่ปลัดกระทรวง นายฉัตรชัย พรหมเลิศ มหาดไทย เผยว่า ในเรื่องของการขายสุรา และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในช่วงที่ผ่านมา สุราเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค จึงเกิดข้อกำหนด ห้ามจำหน่ายถึง 30 เม.ย.63 ต่อมา ศบค. ออกข้อสั่งการ ว่าการสั่งการใดที่มีผลถึง 30 เม.ย.63 ให้ดำเนินการต่อไป จนถึง 31 พ.ค. จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น มหาดไทย ก็จะดำเนินการต่อไป
ต่อกรณีดังกล่าวมาฟังความคิดเห็นจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบไม่ทางใดก็ทางหนึ่งจากมาตรการดังกล่าว ในกรณีของผู้ที่มีคนใกล้ชิดติดสุราขั้นรุนแรง โดยดื่มทุกวัน มาเป็นเวลากว่า 20 ปี เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ผู้เป็นลุงของตนนั้น เริ่มกระวนกระวายใจ เมื่อสุราที่ตุนไว้ก่อนหน้านี้นั้นใกล้จะหมด ซ้ำรัฐบาลยังประกาศยืดระยะเวลาห้ามจำหน่ายสุราออกไปอีก1เดือน ทำให้คิดไม่ตกว่าจะไปหาซื้อเพื่อจะมาบรรเทาอาการอยากสุราจากไหน เนื่องจากเริ่มมีอาการหงุดหงิดและพฤติกรรมทำลายข้างของในบ้าน อันเป็นผลมาจากอาการอยากสุราแต่ส่วนตัวนั้นเห็นด้วยกับมาตราการดังกล่าวของรัฐบาล เพราะเป็นการยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ในขณะเดียวกันในอีกมุมนึง คิดว่าใช้ระยะเวลานานเกินไป และส่วนตัวยังเห็นช่องโหว่ของมาตรการที่รัฐบาลควรนำไปทบทวนให้รอบด้าน
ทางด้านของผู้ประกอบการร้านค้าที่จำหน่ายสุรา และแอลกอฮอล์ ย่านจังหวัดนนทบุรีที่ได้รับผลกระทบโดยตรง กล่าวว่า ส่วนตัวได้รับผลกระทบตั้งแต่การสั่งห้ามในครั้งแรกแล้ว ทำให้รายได้หลักของตนหายไปจำนวนมาก ส่วนตัวได้ทำการปรับตัวด้วยการเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการของร้านใหม่ คือออกมาจำหน่ายข้าวกล่อง หน้าร้าน และ บริการจัดส่งเป็นหลัก อย่างไรก็ตามส่วนตัวยังตัดภาระเรื่องค่าเช่าที่ได้ เนื่องจากเจ้าของโครงการอนุโลมงดชำระชั่วคราว เหลือแต่ค่าน้ำและไฟที่ยังต้องจ่าย