
โดยผู้ต้องขังทั้ง 5 คนได้ใช้วิธีเจาะทะลุฟ้าเพดานห้องกักตัวชั่วคราว แล้วปีนผ่านไปตามคานเพดานห้อง จนสามารถหลบหนีออกไปจากห้องกักตัวแล้วเดินแอบไปตามซอกอาคารหลบซ่อนสายตาเจ้าหน้าที่เวรยามรักษาการณ์ไปจนถึงแนวของกำแพงรั้วก้านทิศตะวันออกของเรือนจำก่อนจะปีนข้ามโดยใช้เต้นท์ผ้าใบพาดข้ามรั้วลวดหนามไฟฟ้าที่อยู่ด้านบนกำแพงและโรยตัวลงมาด้านนอก ก่อนจะหลบหนีไปได้
ซึ่งผู้ต้องขังชายทั้ง 5ราย ทราบชื่อคือ นายพัฒพงษ์ เกตุคำใสผู้ต้องขังคดียาบ้า 30 เม็ด นายสุรยันต์ สุพรรณประเสริฐคดียาบ้า 177 เม็ด นายวัฒนชัย พันภักดีต้องคดีโทษทำให้เสียทรัพย์ นายภาณุพงษ์โคตรชมพู คดี ยาบ้า 1,539 เม็ด และนายอนันท์ หลักคำ คดียาบ้า 283 เม็ด และยาไอซ์อีก 32 กรัม โดยเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งออกติดตามตัวอย่างกระชั้นชิดแล้ว
นายอรรถสิทธิ์ ทองแสงผู้บัญชาการเรือนจำอำเภอสว่างแดนดิน เปิดเผยว่า ผู้ต้องขังที่หลบหนีทั้ง 5 คนเป็นผู้ต้องขังที่อยู่ในระหว่างการกักตัว 14วัน ตามนโยบายของกรมราชทัณฑ์ในการป้องกันแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19ภายในเรือนจำ โดยเรือนจำสว่างแดนดินได้ใช้ห้องสมุดภายในเรือนจำเป็นสถานที่กักตัวซึ่งในขณะเกิดเหตุมีผู้ต้องขังที่ถูกกักตัวทั้งหมด 21 คนหลบหนีไปจำนวน 5 คน ซึ่งจากการสอบสวนผู้ที่ถูกกักตัวอีก 16คนได้ข้อมูลว่า ทั้ง 5 คนได้มีการวางแผนหลบหนีไว้แล้วจนกระทั่งสบโอกาสหลบหนีไป ซึ่งข้อมูลล่าสุดทราบว่านายสุริยันต์ สุพรรณประเสริฐหนึ่งในผู้ต้องขังที่หลบหนีมีภรรยาอยู่ที่บ้านคำบอน ต.บ้านใต้ อ.สว่างแดนดินและจากการแกะรอยติดตามพบว่าผู้ต้องขังทั้งหมดได้หลบหนีไปซ่อนตัวที่สวนยางแห่งหนึ่งในพื้นที่บ้านคำบอนต.บ้านใต้ อ.สว่างแดนดิน ห่างจากเรือนจำประมาณ 3-4กิโลเมตร ก่อนที่ภรรยาของนายสุริยันต์ได้นำรถยนต์กระบะวีโก้สีบรอนซ์ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน มารับตัวทั้งหมดหลบหนีออกไปจากพื้นที่แล้ว
โดยขณะนี้ได้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่เรือนจำจากหลายจังหวัดใกล้เคียงทั้งจากสกลนคร อุดรธานี หนองบัวลำภู และขอนแก่น รวมทั้งเรือนจำสว่างแดนดินสนธิกำลังกันวางแผนจัดชุดไล่ล่าตัวนักโทษที่หลบหนีโดยแยกย้ายกันไปตามภูมิลำเนาของผู้ต้องขังที่หลบหนีตลอดจนจุดต้องสงสัยที่คาดว่าจะเป็นจุดหลบซ่อนตัวรวมถึงประสานหน่วยงานอื่นในการตั้งจุดสกัดคาดว่าจะสามารถติดตามจับกุมตัวได้ในเร็วๆนี้