ชวลิต มีโรคประจำตัวคือ โรคหัวใจ และมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โดยได้รับการรักษาจนอาการดีขึ้นเป็นลำดับ กระทั่งวันที่ 11 เมษายน เริ่มมีอาการอ่อนเพลียและไอ แพทย์วินิจฉัยว่าได้รับเชื้อโคโรน่าไวรัส และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล OLVG Oost กลางกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์เมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา
ตลอดการรักษาชวลิตได้รับการดูแลจากทีมแพทย์อย่างใกล้ชิด และมีการติดตามอาการอย่างต่อเนื่องจากญาติมิตรที่ประเทศไทย และทางสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก โดยประสานงานกับเพื่อนฝูงและลูกศิษย์ในเนเธอร์แลนด์ ในการรักษามีการให้ออกซิเจน ยาระงับอาการ และยาต้านไวรัสเป็นลำดับ
แต่อาการค่อยๆ ทรุดลง ทางโรงพยาบาลได้เปิดให้มีการเข้าเยี่ยมจากคนสนิท พร้อมทั้งได้เปิดเพลงคลาสสิกที่ท่านชื่นชอบ เปิดหน้าต่างรับแสงแดดและอากาศบริสุทธิ์ของฤดูใบไม้ผลิให้เข้าสู่ห้องพัก ท่านได้นอนหลับไปโดยไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆ ในช่วงเวลาสุดท้าย
ศิลปินมีความประสงค์ที่จะจากโลกไปอย่างเรียบง่าย สมถะ โดยไม่ต้องมีการจัดงานพิธีศพใดๆ ท่านมีเจตจำนงที่จะบริจาคร่างกายเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ สอดคล้องกับในปี 2556 ที่ศิลปินได้ทำการส่งมอบผลงานที่เคยสร้างสรรค์ไว้ทั้งหมดให้กับกระทรวงวัฒนธรรมเพื่อเป็นสมบัติของชาติ โดยหวังที่จะให้เกิดประโยชน์กับคนรุ่นหลังต่อไป
ชวลิต เสริมปรุงสุข เกิดเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2482 จบการศึกษามัธยมที่โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย แล้วตัดสินใจเรียนต่อด้านศิลปะโรงเรียนศิลปะศึกษา (ปัจจุบันคือวิทยาลัยช่างศิลป์) ก่อนเข้าเรียนที่คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ ม.ศิลปากร โดยเป็นศิษย์รุ่นสุดท้ายที่มี โอกาสได้เรียนกับ อ.ศิลป์ พีระศรี ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตลง
หลังจบจากมหาวิทยาลัยศิลปากร ได้รับทุนจากกระทรวงวัฒนธรรม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ให้ไปเรียนต่อที่ Rijksacademie Van Beeldende Kunsten กรุงอัมสเตอร์ดัม และได้ใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์มา
กว่า 60 ปี นับว่าเป็นศิลปินไทยคนแรกและคนเดียวที่ได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติจากรัฐบาลเนเธอร์แลนด์
ชีวิตด้านครอบครัว สมรสกับ ภาณี มีทองคำ ศิลปินรุ่นน้องจากรั้วศิลปากรที่ได้ย้ายมาใช้ชีวิตร่วมกันที่ประเทศเนเธอร์แลนด์จนถึงปัจจุบัน โดยภาณีได้รับการดูแลอยู่ที่สถานพยาบาลคนชรา Stichting Cordaan ในกรุงอัมสเตอร์ดัมเนื่องจากอาการอัลไซเมอร์