
มีพี่น้องกี่คน?
"มีลูกแม่ใหญ่ 4 คน คุณแม่มีนุชกับพี่ชาย 2 คน เป็น 6 คน แต่คุณพ่อได้แบ่งทรัพย์สมบัติให้พี่น้องที่ลำปางเรียบร้อยหมดแล้ว ไม่เกี่ยวกัน พินัยกรรมฉบับนี้เป็นส่วนคุณแม่นุช"
เป็นลูกภรรยาคนที่ 2 สนิทคุณพ่อไหม?
"สนิทมาก คุณพ่อพาเราไปไหนด้วยกันเสมอ เวลาหนีบเราไปต่างจังหวัดก็จะบอกว่าพ่อซื้อที่ดินตรงนี้นะลูกนะ อีกหน่อยหนูอยากทำอะไรพ่อจะสร้างให้ เพราะเราทำงานโรงแรม พ่อบอกว่าถ้าจะสร้างโรงแรมติดทะเลให้ดูแลเอามั้ย เราก็บอกว่าเอาค่ะ เขาก็บอกว่างั้นหนูเรียนต่อการโรงแรมที่ประเทศสวิตซ์ฯ แล้วกัน ตอนนั้นหนูจบโทบอสตัน ทำงานโรงแรมนึง คุณพ่อพาไปดูที่ที่จ.ตราด คุณพ่อบอกว่าถ้าเราสนใจการโรงแรม จะส่งให้ไปเรียนการโรงแรมที่ประเทศสวิตซ์ฯ เราก็ตอบตกลง แต่บังเอิญพ่อตรวจเจอมะเร็งขั้นสุดท้าย เราก็เลยไปไม่ได้"
ถ้าเทียบพี่ชายกับนุช นุชเป็นคนสนิทพ่อมาก?
"มากค่ะ เพราะตอนนุชจบโทมาทำงานที่เมืองไทย พี่ชายยังเรียนปริญญาตรีที่บอสตัน ยังไม่จบ กับคุณแม่ก็สนิทกันมาก ไปไหนด้วยกันตลอดเวลา เราอยากได้อะไรก็ให้ เป็นคุณแม่ที่สนิทกับลูกมาก ตอนคุณพ่อยังมีชีวิตอยู่ เราสนิทกับคุณพ่อมากกว่า"
ความขัดแย้งเกิดขึ้นได้ยังไง?
"ตอนคุณพ่อยังอยู่ สนิทกับคุณแม่มาก จนบังเอิญไปรู้เรื่องราวบางอย่างที่เกิดขึ้น หนูก็พูดกับคุณแม่เลยว่ามันไม่ถูกต้อง เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ ท่านบอกว่าอย่ามายุ่งเรื่องของฉัน เราพูดหลายหนเพราะรู้สึกว่าพ่อเป็นพ่อที่แสนดีมาก ยกทุกอย่างให้คุณแม่ ทำมรดกทุกอย่างให้คุณแม่ ตามใจคุณแม่มาตลอด แต่เรารู้สึกไม่ยุติธรรมกับคุณพ่อ เราไม่ได้บอกพ่อ เพราะเขาตรวจเจอมะเร็งปอดขั้นสุดท้าย"
พ่อเสียไปโดยไม่รู้ความลับนี้?
"ใช่ค่ะ"
ตัดสินใจถูกไหมที่ไม่บอกพ่อ?
"ถูกค่ะ เพราะกระทบกระเทือนจิตใจท่านค่ะ บอกไปก็ไม่มีประโยชน์"
ความสัมพันธ์แปรเปลี่ยนไปยังไง?
"แปรเปลี่ยนไปตอนคุณแม่ได้พินัยกรรมแล้ว มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนๆ นึง มันเหมือนกับมีความเหินห่าง ตอนคุณพ่อป่วย คุณแม่ก็ไม่ได้เข้ามาทานข้าวหรือดูแลใกล้ชิดเหมือนแต่ก่อน หนูอยู่ดูแลใกล้ชิดคุณพ่อ แม่จะมีงานสังคม มีทริปไปต่างประเทศโน่นนี่นั่น"
ในมรดกที่เขียนไว้ ได้อะไร?
"พินัยกรรมระบุว่าทรัพย์สินทุกอย่างยกให้คุณแม่ ยกเว้นที่ดินที่ลำปางค่ะ"
ในเนื้อหาสาระพินัยกรรม มีใครได้รับมรดกยังไง?
"ฝั่งนุชเอง ระบุว่าทรัพย์สินเงินทองเงินสดที่ดินทุกอย่างยกให้คุณแม่แต่เพียงผู้เดียว ยกเว้นที่ดินที่ลำปาง"
แม่ได้กี่ร้อยล้าน?
"น่าจะหลายร้อยล้านนะคะ ถ้าให้พูดกันตามหลัก ยกเว้นที่ดินที่ลำปาง เพราะมันมีชื่อของพี่ทั้งสี่อยู่ในนี้อยู่แล้ว และตามพินัยกรรม ก็น่าจะเป็นสิทธิของลูก 6 คน ทางพี่เอเขาเลยบอกว่าไหนๆ เป็นชื่อของพี่น้องสี่คนแล้ว ถ้าจะเอาชื่อนุชกับพี่ชายมา จะยุ่งยากหรือเปล่า งั้นขอซื้อกรรมสิทธิ์แล้วกัน คุณแม่ก็เลยตกลงขายกรรมสิทธิ์นุชกับพี่ชาย แม่กับพี่ชายเป็นคนขายสิทธิ์ให้ทางพี่เอ ตอนแรกเขาขอขาย 2 ล้าน แต่พี่เอขอ 1 ล้านแล้วกัน แต่คุณแม่ยกหูมาบอกว่าให้เซ็นยกให้ลอยๆ จะยกที่ดินตรงนี้ให้พี่เอฟรีๆ ทีนี้เรามาฉุกคิดว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องจริง เพราะพี่เอกับคุณแม่ไม่ถูกกันอย่างแรง เราไม่เชื่อ เพราะขนาดเรายืมเงินคุณแม่ คุณแม่ยังคิดดอกเบี้ยเลย ก็เลยคิดว่าไม่น่าใช่ที่จะยกที่ดินให้เขาฟรีๆ เป็นไปไม่ได้"
เอะใจ?
"เอะใจปั๊บ ก็บอกคุณแม่คะ ขออนุญาตดูพินัยกรรม และที่ดินลำปางทั้งหมด ให้แม่บ้านส่งมาทางไลน์ให้ดูก่อนได้มั้ยคะ เขามีแผนกแม่บ้านที่ดูแลโฉนด เขาก็ส่งมาให้เป็นสิบฉบับ เราก็เลยโทรหาพี่เอ พี่เอบอกว่าคุณแม่บอกว่าให้จ่ายเป็นแคชเชียร์เช็ค 1 ล้านบาท เป็นชื่อคุณแม่ เดี๋ยวคุณแม่จะเอามาให้นุชครึ่งนึง เพราะเป็นสิทธิที่นุชควรจะได้ นุชก็เลยบอกว่าไม่ใช่อย่างที่คุณแม่พูดนะ คุณแม่บอกให้นุชเซ็นและโอนให้พี่เอฟรีๆ พี่เอเลยบอกว่าไม่ใช่แล้วล่ะ"
แม่กำลังโกงนุช?
"ไม่ทราบค่ะ แต่เราต้องหาความจริง พี่เอบอกว่าเดี๋ยววันจันทร์จะขึ้นศาล เพราะจะทำแคชเชียร์เช็คจ่ายในนามคุณแม่ล้านนึง นุชไปแถลงที่ศาลเลยแล้วกัน นุชก็บอกว่าได้ค่ะ เราก็เลยไปแถลงที่ศาล เราตามหาความจริงเลยค่ะ เขากำลังจะจ่ายเช็คอยู่แล้ว ทางพี่เอเตรียมเช็ค 1 ล้านบาทจ่ายในนามคุณแม่ พอเราไปถึง พี่ชายตะโกนชี้หน้าด่าเราเลยว่ามึงมาทำไม เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับมึงเลย เงินของกู กูกำลังจะได้แล้ว"
พี่กับแม่รวมหัวกัน?
"เราเข้าใจว่าแบบนั้นค่ะ เราเลยคุยกับเจ้าหน้าที่ศาลว่าเราเป็นลูกคนนึงแต่เราไม่รู้เรื่องเลย เจ้าหน้าที่ศาลก็งงว่าอ้าว ไหนแม่บอกจะโอนให้ลูกสาวครึ่งนึง เจ้าหน้าที่ศาลก็เลยบอกว่างั้นเรื่องนี้ไม่จบแล้ว เดี๋ยวให้ศาลท่านขึ้นบัลลังก์ช่วงบ่ายแล้วกัน เราก็นั่งรอชี้แจงกับทางศาล ปรากฎพี่ชายชิ่งหนีกลับบ้านแล้วให้ทนายมารับหน้า แล้วให้เลื่อน เราก็บอกตามเจตนารมย์กับทนายว่าเราขอครึ่งนึงในสิทธิ์ที่เราพึงจะได้ คุณขายได้ล้านนึงเราขอห้าแสน ก็จบ พี่เอบอกเอาตามนี้ก็ได้ จ่ายแคชเชียร์เช็คเป็นนุชครึ่งนึง พี่ชายครึ่งนึง ก็จบ แต่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นแบบนั้นเพราะพี่ชายต้องการ 1 ล้าน เขายืนกรานจะเอา 1 ล้านให้ได้ เราก็เลยบอกว่าพี่เอคะ งั้นนุชขอขายสิทธิ์นุชแล้วกัน 5 แสนบาทให้กับพี่เอเลย แล้วนุชก็โอนสิทธิ์ให้พี่เลย เขาก็บอกว่าโอเคได้ ตกลงตามนั้น"
นี่เป็นชนวนที่นุชถูกทำร้าย?
"ถูกต้อง"
เขาทำอะไรนุชบ้าง?
"ชกหน้ารัวๆ แล้วก็พูดตามคลิป จบโดยที่คุณแม่ยืนอยู่ตรงนั้น เห็นเราถูกทำร้าย คุณแม่บอกว่าให้เรากราบขอโทษพี่ด้วย ยังงงอยู่ว่าคนโดนทำร้ายโดนบังคับให้ขอโทษ ตอนนั้นเรารู้สึกอยากออกไปจากที่นั่น เขาอยากให้เราขอโทษเราก็ขอโทษ เราไม่กราบ เรารู้สึกว่ามันเกินไปหรือเปล่าที่ต้องให้เรากราบ ตอนนั้นยังหลุดไม่ได้ เขาเหมือนกักขังหน่วงเหนี่ยวเรา เราบอกว่าคุณแม่จะกลับบ้านแล้วค่ะ คุณแม่ก็ยังยื้อ ไม่ยอมเปิดประตูใหญ่ให้ พี่ชายก็บอกว่ามึงกลับไม่ได้หรอก ยังติดค้างคำขอโทษเขาอยู่ ติดค้างอะไรนักหนา สงสัยอยากให้กราบ เรามีมือถืออีกเครื่องก็โทรหาสามีเรา เขาได้ยินเสียงก็รู้แล้ว ก็ถามว่าเราโดนทำร้ายเหรอ เราก็บอกว่าใช่ เขาก็รีบนั่งวินมอเตอร์ไซค์มา จังหวะนั้นเราคิดว่าเราทำไงก็ได้ ต้องเปิดประตูบ้านให้ได้ ก็แย่งรีโมตจากกระเป๋าคุณแม่ พอเปิดประตูเสร็จ แฟนเข้ามาก็ตกใจ เพราะหน้าบวมมาก เขาก็คุยกับพี่ชายว่าคุยกันดีๆ ไม่ได้เหรอ ทำไมต้องลงมือลงไม้ นี่น้องสาวนะ ยังไม่ทันไรเลยค่ะเขาก็ชกสามี"
ออกจากบ้านได้ยังไง?
"หลังจากที่เขาทำร้ายร่างกายสามี เราก็เลยตะโกนให้เรียกตร. ทุกคนก็ตกใจ เราก็เอามือถือโทรหาตร.ให้มาที่บ้าน"
ความสัมพันธ์นุชกับแม่เป็นไง?
"หลังเกิดเรื่องทำร้ายร่างกาย แม่พูดว่ามึงมายุ่งกับสมบัติกู ไม่ต้องมาเหยียบบ้านกูอีกต่อไป ตัดแม่ตัดลูก เราก็พูดไม่ออก ตอนนี้ก็ไม่ได้ติดต่อกันเลย"
ทำไมมาเป็นคดีแค่เงินล้านเดียวแบ่งกันคนละห้าแสน ในเมื่อพ่อมีมรดกเป็นร้อยล้าน?
"งงเหมือนกันค่ะ เพราะทรัพย์สินส่วนอื่นที่แม่มี แม่ก็ยกให้พี่ชาย ไม่ว่าที่ดินตราดริมทะเลหลายร้อยไร่ก็โอนให้พี่ชาย เกาะล้านเพิ่งขายไปก็ไม่น้อยเลย 8 หลัก ก็ให้กันสองคน"
แม่เขาโกรธอะไรนุช ทำไมกีดกันออกจากการได้รับส่วนแบ่ง?
"เข้าใจว่าเป็นเรื่องนั้นที่เคยรู้ความลับเขา"
พี่ชายไม่เคยพูดเรื่องนี้?
"อันนี้ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ"
จะกลับไปคืนดีได้ไหม?
"เราเป็นลูกค่ะ คุณแม่ยังไงก็เป็นคุณแม่ ความรักยังคงเหลืออยู่ เราก็พร้อมที่จะเข้าไป ยังไงก็แม่ลูกกัน แต่เขาก็ยืนยันจะดำเนินคดีกับเรา เขาฟ้อง 3 ข้อหา แฟนโดนไป 5 ข้อหา นุชโดนเรื่องทำร้ายร่างกายให้บาดเจ็บสาหัส หมิ่นประมาทพี่ชาย หมิ่นประมาทคุณแม่ ส่วนสามีได้รับ 5 ข้อหา ทำให้บาดเจ็บสาหัส บุกรุก ทำให้เสียทรัพย์ หมิ่นประมาทพี่ชาย หมิ่นประมาทคุณแม่"
เจมส์มองเรื่องนี้ยังไง?
ทนายเจมส์ : "ในขั้นตอนสิทธิตามกฎหมายเขาสามารถทำได้ แต่จะชนะหรือแพ้ก็อีกเรื่องนึง การใช้สิทธิทางศาลควรใช้สิทธิโดยสุจริต ถ้าใช้โดยไม่สุจริตอาจมองเป็นเรื่องการกลั่นแกล้งก็ได้ ตร.อาจสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง ศาลอาจยกฟ้องก็ได้ อยู่ที่พยานหลักฐาน อย่างกรณีบุกรุก ผมมองว่าไม่ได้บุกรุก การบุกรุกคือการเข้าไปที่ดินเขา อสังหาฯ โดยไม่มีเหตุสมควร แต่นี่เขาเข้าไปช่วยภรรยา ผมมองว่าตร.อาจไม่สั่งฟ้อง อัยการอาจไม่สั่งฟ้อง"
นุชและสามีถูกทำร้ายร่างกาย แต่เขาฟ้องนุชกับสามีทำร้ายร่างกาย?
ทนายเจมส์ : "ผมมองในเรื่องเขาสร้างอำนาจต่อรอง ผมเจอคดีอาญามาหลายๆคดี ต่อให้ฝ่ายผู้ที่กระทำไปกระทำเขาจนเจียนตาย เขาก็ใช้สิทธิทางศาลเหมือนกัน โดยแจ้งความกลับว่าเขาก็ถูกทำร้ายเหมือนกัน ถึงแม้บาดแผลอาจเกิดจากการไปทำร้ายเขาก่อน แล้วเขาใช้สิทธิในการป้องกันตัว ก็อาศัยช่องทางนี้ดำเนินคดี ในหน้าที่คนถูกแจ้งความ ถ้าคุณใช้สิทธิโดยชอบโดยกฎหมาย เป็นการป้องกันตัว หรือกรณีเคสอื่นสามีถูกทำร้ายเลยเข้าไปช่วยโดยตีคนร้าย แบบนี้ถือว่าชอบโดยกฎหมาย เพื่อป้องกันสามีเขา"
ถ้าวิญญาณพ่อรับรู้ได้ จะรู้สึกยังไง?
นุช : "คงรู้สึกเสียใจ เหตุการณ์นี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นเลย คุณพ่อคงอยากให้รักกันค่ะ"