
นักวิชาการที่เราไปพูดคุยด้วย คือ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ วรัชญ์ ครุจิต นักวิชาการด้านการสื่อสาร จากนิด้า / อาจารย์วรัชญ์ บอกว่า การนำเสนอข่าวในภาวะวิกฤตของสื่อบางสำนักอาจทำให้คนร้ายดูเป็นพระเอก และเกิดการลอกเลียนแบบ รวมถึงอาจจะทำให้เหตุการณ์บานปลายกว่าที่คิด
บทเรียนของสื่อในครั้งนี้คือ
1. สื่อให้ข้อมูลมากเกินจำเป็น เกินหน้าที่ของสื่อ
2. สื่อละเมิดสิทธิผู้อื่น เช่น ไลฟ์สด หรือโทรคุยกับผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์
3. สื่อใช้ภาพและการนำเสนอที่ตอกย้ำความรู้สึกให้เกิดความหดหู่ สื่อควรคำนึงถึง "ใจเขาใจเรา" เลี่ยงการใช้คำรุนแรงและคำนึงถึงประโยชน์ของผู้รับสารให้มากๆ เพราะสื่อเปรียบเสมือนอาวุธชิ้นหนึ่งที่มีผลต่อประชาชน ถ้านำเสนอดี คนที่ได้รับข้อมูลข่าวสารก็จะได้รับประโยชน์ ถ้านำเสนอผิดพลาด สื่ออาจจะมือเปื้อนเลือด หรือเป็นฆาตกรได้ทันที อย่าคิดแต่เพียงแข่งเรตติ้งกันเท่านั้น
บทเรียนของสื่อครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น แม้หลายคนจะบอกว่านี่เป็นครั้งแรกของการเกิดเหตุกราดยิงในประเทศไทยก็ตาม
อาจารย์วรัชญ์ บอกด้วยว่า หลายครั้งที่สื่อบางสำนักนำเสนอข่าวผิดพลาด ก็มักจะไม่ได้รับบทลงโทษอะไร ทางสำนักงาน กสทช.แค่เรียกไปคุย แล้วปล่อยให้เรื่องเงียบ ทุกฝ่ายต่างแข่งกันประโคมข่าวเพื่อเรียกเรตติ้ง ทำให้จรรยาบรรณของนักข่าวเลือนหายไป รวมถึงทางรัฐบาลและ กทสช.เองก็ไม่มีการสนับสนุนสื่อที่นำเสนอข่าวถูกต้องและสร้างสรรค์ จึงอยากให้ทางภาครัฐช่วยเข้มงวด หันมาเอาจริงเอาจังกับสื่อที่นำเสนอข่าวผิดพลาดได้แล้ว
สำหรับสถานการณ์ของสื่อนับจากนี้ อาจารย์วรัชญ์ มองว่า ทิศทางการนำเสนอข่าวควรเบาลงได้แล้ว ควรนำเสนอในแนวสร้างสรรค์ เพราะทุกคนต่างก็บอบช้ำกันมามาก สื่ออย่าคิดเพียงแค่ว่าจะขายข่าว แต่ควรคิดถึงหัวอกของคนอื่น และคิดถึงประโยชน์ของประชาชนให้มากด้วย