
ผบ.ทบ. กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ก่อเหตุและคู่กรณีมีความสัมพันธ์ทางการบังคับบัญชา ซึ่งตนได้สั่งการแล้วว่าจะหาวิธีที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาต่อจากนี้ โดยตนจะเปิดรับเรื่องร้องเรียนโดยตรงจากผู้ใต้บังคับบัญชาที่ถูกเอาเปรียบ และเรื่องจะเป็นความลับ โดยให้บุคคลภายนอกเข้ามารับงานนี้ไป ไม่ใช้ทหาร อีกทั้งจะลงโทษอย่างเต็มที่ ตามความสามารถที่จะทำได้
"ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก ขอกล่าวความเสียใจอีก ซึ่งขณะที่เกิดเหตุการณ์ มีคำตำหนิกองทัพบก มีคนด่าว่า โดยกองทัพบก เป็นองค์กรด้านความมั่นคงและมีความศักดิ์สิทธิ์ มีคนมากมายด่าทหาร แต่ผมอยากจะให้ทราบว่า ท่านอย่าด่ากองทัพบก ท่านอย่าด่าทหาร กองทัพบกเป็นองค์กร ไม่มีความรู้สึก มีทหารปฎิบัติหน้าที่อยู่ตามแนวชายแดน ทหารจะต้องเสี่ยงชีวิต ทหารต้องช่วยเหลือน้ำท่วม ภัยแล้ง ไฟไหม้ป่า ที่เสียสละ ที่ดีๆ มีทั่วกองทัพบก อย่าไปด่าว่าเขาเลย อย่าใช้คำว่าทหาร เขาจะเสียกำลังใจในการทำงาน ไม่มีใครในโลกนี้ที่อยากให้นี้เหตุการณ์เกิดขึ้น กับประเทศของตัวเอง และไม่มีคนไทยคนไหนอยากให้เหตุการณ์เกิดขึ้นอีก ฉะนั้นอย่าด่าว่ากองทัพบก อย่าว่าทหาร ถ้าจะด่า ถ้าจะตำหนิ ให้มาด่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ โดยจะน้อมรับคำตำหนิ การแสดงความคิดเห็นทุกอย่าง ท่านมาด่าผมเพราะผมเป็นผู้บัญชาการทหารบก"
ผบ.ทบ. ได้กล่าวทิ้งท้ายก่อนเปิดให้สื่อมวลชนได้สอบถาม โดยบอกว่า ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่ง พยายามปรับปรุงพัฒนาหลายเรื่อง โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับกำลังพลและผู้บังคับบัญชา แต่ไม่ได้เป็นข่าว อีกทั้งตนเป็นชายไทยที่อายุ 60 ปี แล้ว ต้องดูแลร่างกายเพื่อไปออกกำลังกายกับลูกน้อง แสดงในสิ่งที่ตัวเองได้สั่ง มาอยู่กับนักเรียนนายร้อย จปร. เป็นการใส่ใจตั้งแต่ต้นน้ำที่เติบโตมา รวมถึงนักเรียน นายสิบ ทบ. ด้วย ซึ่งหากใครไม่ปฏิบัติตาม ขอยืนยันว่าจะย้ายแน่นอน เพราะตนเป็นแบบนี้มานานแล้ว อยู่ในเหตุการณ์บ้านเมืองมาหลากหลาย รู้ว่าต้องปรับตัวอย่างไร ที่ผ่านหลายเดือนก็ไม่ได้พูดเรื่องการเมืองเลย จากครั้งล่าสุดที่ขึ้นเวทีบรรยายบรรยายพิเศษเรื่องแผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง