
โดยเรื่องนี้ สรยุทธ ก็สู้ว่า ทาง อสมท. ก็ขายโฆษณาเกินเวลาเหมือนกัน แต่ทางศาลฏีกา ตัดสินแล้วว่าฟังไม่ขึ้น ทำให้ อสมท. ไม่ผิดในเรื่องนี้เพราะตามสัญญาไม่ได้บอกว่า ถ้า อสมท. ขายเกินจะต้องจ่ายเงินให้ไร้ส้ม
และจากเรื่องที่เกิดขึ้น สรยุทธ ได้นำเงิน 138 ล้านบาทไปคืนหลังเกิดเหตุ กว่า 2 ปี แต่ศาลได้ตัดสินว่า มันฟังไม่ขึ้น เพราะทางกฎหมาย หากยักยอกไปแล้วหรือเอาไปแล้ว ต่อให้นำมาคืน ก็ยังมีความผิด
ส่วนเรื่องเช็ค ที่มีการจ่ายให้กับ เจ้าหน้าที่ อสมท. คุณพิชชาภา ไม่ใช้สินบนที่ให้ช่วยไปลบคำผิดบนเอกสารจัดคิว โฆษณา แต่เป็นค่าประสานงาน 2% จำนวน7แสนกว่าบาท ศาลได้ตัดสินว่า คำให้การฟังขึ้นบางส่วนจึงไม่ผิดฐานรับสินบน แต่ยังมีความผิดฐานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพราะ เจ้าหน้าที่ อสมท. คุณพิชชาภา ไม่ได้ค่าตอบแทนจึงไม่จำเป็นต้องทำตามที่ร้องขอในเรื่องของการไปลบคำในเอกสารคิวโฆษณา เพราะเงินที่จ่ายให้ คือค่าค่าประสานงานไม่ใช้ค่าตอบแทนให้ลบคำผิด
ทำให้ เจ้าหน้าที่ อสมท. คุณพิชชาภา มีความผิดปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และ สรยุทธ มีความฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าโดยมิชอบ จึงจำคุก 6 กระทง รวม 12 ปี ลดโทษ 1 ใน 3 เหลือ 6 ปี 24 เดือน และ สรยุทธ ถูกตัดสินในฐานะ นักธุรกิจสื่อ ไม่ใช้ พิธีกรรายการข่าว