โรคปากเท้าเปื่อยในโคนม ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่ครั้งนี้มีความรุนแรงมากกว่าทุกครั้ง และมีจำนวนการตายของวัวมีมากผิดปกติ พวกมันตาย และติดเชื้อกันได้อย่างง่ายดาย
ป้ากุศล ศรีน้อยขาว พา "วชิรวิทย์รายวัน" เข้าไปดูในฟาร์มที่เลี้ยงวัวอยู่จำนวน 130 ตัว แต่ว่าทยอยตายตั้งแต่วันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมาแล้วกว่า 20 ตัวส่วน 110 ตัวที่เหลืออยู่ก็ไม่ใช่ว่าอาการดีนัก น้ำลายฟูมปาก อยู่หลายตัว วันนี้เจ้าหน้าที่จากกรมปศุสัตว์ จึงเข้ามา พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ ส่วนวัวที่ป่วยไปแล้วก็คงจะต้องรักษาตามอาการในสัตวแพทยบอกว่ามีโอกาสรอด 50 ต่อ 50
การสูญเสียวัวจำนวนหลายสิบตัว หมายความว่ากำลังการผลิตน้ำนมดิบของเกษตรกรก็จะลดลงตามไปด้วย เท่ากับว่ามีรายจ่ายมากขึ้น แต่รายรับลดลง
เมื่อเกิดโรคเกษตรกรก็ต้องทำตามมาตรฐานความปลอดภัยไม่สามารถจะส่งน้ำนมดิบไปขายให้กับสหกรณ์โคนมไทยมิลค์ ในพื้นที่ได้
โรคระบาดที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงยังคงเป็นปริศนาว่าเกิดจากสาเหตุใด "ป้ารักษ์ ด้วงสำรวย" เกษตรกรอีกคนที่เลี้ยงวัวนมจำนวน 100 ตัว ทยอยตายไปแล้ว 4 ตัวตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา และที่เหลืออยู่ในฟาร์มก็ร่อแร่
แม่วัวตัวนี้ชื่อสายลม กำลังท้องแก่ ทั้งๆที่ยังเป็นโรคปากเท้าเปื่อย มันน่าสงสารมากกว่าทุกตัว "ป้ารัก" ในฐานะคนเลี้ยงวัวสงสารมันเหมือนลูกในไส้ บางคืนเธอนอนร้องไห้ ทั้งสงสาร และต้องแบกรับภาระเพื้อรักษา
ลูกที่เกิดกับแม่วัวที่เป็นโรคปากเท้าเปื่อยจะติดต่อโรคออกมาด้วนเช่นกัน สุขภาพร่างกายอาจไม่แข็งแรง และอาจตายในท้อง ในขณะที่แม่วัวก็ไม่แน่ใจว่าจะมีชีวิตรอดได้หรือไม่
"ป้ารัก" บอกอีกว่า ฉีดวัคซีนป้องกันโรคปากเท้าเปื่อยเป็นประจำทุกปี ปีละ 4 ครั้งไม่เคยขาด ครั้งล่าสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายนก็เพิ่งฉีดไป แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงโรคระบาดได้
เธอจึงตั้งคำถามว่า วัวดื้อวัคซีนหรือไม่ หรือวัคซีนไม่ได้คุณภาพ
รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ ที่ลงพื้นที่มาในวันนี้เพื่อประกาศเป็นเขตพื้นที่โรคระบาด บอกว่าสาเหตุน่าจะมาจากวัวบางกลุ่มตกหล่นไม่ได้ฉีดวัคซีน ประกอบกับพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีการเลี้ยงโคนมอย่างหนาแน่น มีการขนส่งสัตว์ซากสัตว์ มูลสัตว์ และน้ำนม ไปมาทำให้โรคแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ยากต่อการควบคุม อีกทั้งมาตรฐานฟาร์มของชาวบ้าน อาจไม่ดีนัก
สถานการณ์โรคปากเท้าเปื่อย ของโคนมในพื้นที่อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรีตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมาจนกระทั่งถึงวันนี้ มีจำนวนวัวที่เสียชีวิตไปแล้วถึง 70 ตัวและ 800 จาก 5,000 กว่าตัวยังอยู่ในภาวะป่วยและมีโอกาสตายได้อีก แต่ตัวเลขนี้ชาวบ้านบอกว่ามีมากกว่านั้น
ประธานสหกรณ์โคนมไทยมิลค์ ผู้รับซื้อน้ำนมดิบจากสมาชิกเกษตรกรบอกว่า สมาชิก 20% มีวัวป่วยและไม่สามารถที่จะส่งน้ำดิบให้กับสหกรณ์ได้ แต่ถึงอย่างนั้นสหกรณ์ก็ยังไม่ประสบปัญหาน้ำนมดิบไม่เพียงพอ กับออเดอร์ เพราะถือว่าลดลงไปเพียงแค่ 7 ตันต่อวัน จากปริมาณที่เคยได้ทั้งหมด 130 ตันต่อวัน แต่ที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือสมาชิกเกษตรกร เริ่มไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ เนื่องจากไม่สามารถส่งนม น้ำนมดิบ ได้ตามเป้า
แม้หน่วยงานทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น จะเริ่มตื่นตัวกับการควบคุมโรคปากเท้าเปื่อยมากขึ้น แต่เกษตรกรโคนมที่นี่ ก็ยังคงมืดแปดด้าน กับวัวที่ป่วยไปแล้วเพราะโรคนี้ไม่มียารักษา นอกจากรักษาตามอาการ มีความเสี่ยง 50 ต่อ 50 ที่พวกมันจะตายไปครึ่งฟาร์มหรือทั้งฟาร์มก็ได้
นี่เป็นเรื่องเศร้าที่อาชีพโคนมพระราชทาน อาจจะถึงจุดจบ และนี่จึงไม่ใช่เรื่องเล็ก หน่วยงานภาครัฐต้องเอาใจใส่อย่างจริงจัง ควบคุมการระบาด และเยี่ยวยาเกษตรกร ไม่เช่นนั้นแล้ว การทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในพื้นที่ ก็จะนับได้ว่าบกพร่องอย่างมาก ที่ไม่สามารถรักษาอาชีพพระราชทาน อันทรงคุณค่านี้เอาไว้ได้
#วชิรวิทย์ #วชิรวิทย์รายวัน #Vajiravit #VajiravitDaily #Nation #NationTV22