
ผู้เสียชีวิต
ไฟป่ารอบนี้คร่าชีวิตประชาชนไปราว 23 คน รัฐนิวเซาท์เวลส์ที่มีประชากรมากที่สุด มีผู้สังเวยชีวิตให้กับไฟ 17 คน
แม้แต่สัตว์ป่าก็ต้องเผชิญชะตากรรมไม่แพ้กัน ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ระบุว่า เฉพาะรัฐนิวเซาท์เวลส์รัฐเดียวสัตว์ป่าตายประมาณ 480 ล้านตัว ผู้เชี่ยวชาญเกรงว่า ยอดสัตว์ป่าตายอาจสูงกว่าที่ประเมินไว้มาก
บ้านเรือนเสียหาย
นับถึงวานนี้ (4 ม.ค.) บ้านเรือนเสียหายไปแล้วกว่า 1,500 หลัง แต่ทางการเตือนว่า ตัวเลขอาจเพิ่มขึ้นเนื่องจากไฟป่ายังเผาผลาญไม่หยุด ทุกเมืองในรัฐนิวเซาท์เวลส์และวิกตอเรียที่อยู่ใกล้เคียง ถูกไฟเผาในวันส่งท้ายปี
นับตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาลไฟป่าในเดือน ก.ย. อาสาสมัครดับเพลิงหลายพันคนต้องระดมกำลังดับไฟ รัฐมนตรีกลาโหมออสเตรเลียเผยว่า วานนี้รัฐบาลต้องเรียกทหารกองหนุนมากถึง 3,000 นาย เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติ เตรียมความพร้อมรับมือไฟ
สภาพแวดล้อมรุนแรง
เป็นที่ทราบกันดีว่าออสเตรเลียเป็นประเทศและทวีปหนึ่งที่เสี่ยงเกิดไฟป่ามากที่สุดในโลก ซึ่งไฟป่าก็เกิดขึ้นบ่อยในฤดูร้อนโดยเฉพาะทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ แต่ออสเตรเลียอยู่ในช่วงอากาศร้อนแล้งเป็นเวลานาน กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่า ทวีปนี้อุ่นขึ้นราว 1 องศาเซลเซียสนับตั้งแต่ปี 2453 ระหว่างเดือน ม.ค.-พ.ย.2561 อากาศแห้งแล้งมากที่สุดเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่ปี 2445 และร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์
มิหนำซ้ำพื้นที่ส่วนใหญ่ของออสเตรเลียยังเจอภัยแล้งรุนแรงและยืดเยื้อ ฝนไม่ตกมานาน ประกอบกับลมแรงในฤดูไฟป่าช่วยโหมกระพือไฟลุกลามเป็นวงกว้าง
นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นสาเหตุให้อากาศร้อนและแห้งแล้งยิ่งขึ้น ส่งผลให้ฤดูไฟป่ายาวนานและรุนแรงกว่าเดิม
ไฟมรณะในอดีต
หากย้อนไปในอดีต ปี 2552 ออสเตรเลียเกิดไฟป่าครั้งเลวร้ายที่สุดที่รัฐวิกตอเรีย เรียกว่า "แบล็กแซทเทอร์เดย์" ประชาชนเสียชีวิต 173 คน
ก่อนหน้านั้นรัฐวิกตอเรียและเซาท์ออสเตรเลียที่อยู่ใกล้เคียงเคยเกิดไฟป่า "แอชเวนส์เดย์" เมื่อปี 2526 ประชาชนเสียชีวิตราว 75 คน ขณะที่ไฟป่าแบล็กฟรายเดย์ในรัฐวิกตอเรียคร่าชีวิตประชาชน 71 คน
ท่ามกลางไฟมรณะที่ทั้งคนและสัตว์ต่างต้องหนีเอาชีวิตรอด เบ็ก วินเตอร์ ชาวเมืองโมรูยา เล่าถึงบรรยากาศหนีไฟเมื่อวันส่งท้ายปีเก่า (31 ธ.ค.) ที่เธอต้องฝากชีวิตไว้กับเจ้าชาร์เมอร์ม้าตัวโปรดในวันนั้นวินเตอร์, ไรลีย์ บุตรชาย และญาติอีก 1 คน จับตาไฟป่าที่โหมกระหน่ำอยู่ใกล้เมืองโมรูยา ที่ตังอยู่บริเวณชายฝั่ง ห่างจากนครซิดนีย์ไปทางตอนใต้ราว 250 กิโลเมตร
เมื่อตัดสินใจหนีบุตรชายและญาติใช้วิธีขับรถไปยังชายหาด แต่เธอขี่เจ้าชาร์เมอร์ไปหาที่ปลอดภัย ท่ามกลางควันไฟหนาทึบที่เจ้าตัวถึงกับสติแตก
"ฉันไม่รู้เลยว่าเราขี่ม้าเข้าหาไฟหรือไปไหน เราไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ว่าควันหนามาก ฉันรู้สึกถึงความร้อนโดยไม่รู้ว่ามาจากดวงอาทิตย์หรือจากเปลวไฟ มันน่ากลัวมากแต่ฉันก็เชื่อมั่นในตัวชาร์เมอร์ ว่าจะพาฉันออกไปได้อย่างปลอดภัยแล้วเธอก็ทำได้จริงๆ เธอเป็นฮีโร่ของฉัน" วินเตอร์เล่าวีรกรรมม้า ที่สุดท้ายแล้วมันนำพาเธอไปถึงผับแห่งหนึ่งที่ใช้เป็นศูนย์พักพิงหนีไฟป่า
ด้านสำนักงานดับไฟป่านิวเซาท์เวลส์ (อาร์เอฟเอส) เตือนว่า ไฟบริเวณชายฝั่งได้ทำให้เกิดสภาพอากาศรูปแบบใหม่ ทั้งพายุฝนฟ้าคะนองที่ฝนระเหยไปก่อนตกถึงพื้น และทอร์นาโดที่เกิดจากไฟป่า สภาพอากาศเช่นนี้เกิดขึ้นห่างจากนครซิดนีย์ไปทางใต้ 287 กิโลเมตร อาร์เอฟเอสจึงประกาศเตือนประชาชนผ่านทางโซเชียลมีเดีย ระบุ
"พายุฝนฟ้าคะนองที่เกิดจากไฟป่าก่อตัวขึ้นเหนือไฟเคอร์โรแวน บริเวณขอบตอนเหนือของไฟใกล้เมืองนาวรา นี่เป็นสถานการณ์อันตรายมาก ขอให้ประชาชนจับตาสภาพแวดล้อมให้ดีและเตรียมมาตรการให้เหมาะสม"
สภาพอากาศดังกล่าวเป็นผลจากการก่อตัวของเมฆไพโรคิวมูโลนิมบัส หรือเมฆฝนชนิดพิเศษที่ทำให้เกิดฝนฟ้าคะนองอย่างรุนแรงอันเนื่องมาจากแรงยกตัวของกระแสอากาศร้อนที่เกิดจากไฟป่า เมฆชนิดนี้เกิดขึ้นทั่วโลก แต่เมื่อสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง จึงอาจเกิดขึ้นบ่อยในออสเตรเลีย
การจ่ายกระแสไฟฟ้าให้ประชาชนในรัฐนิวเซาท์เวลส์รวมทั้งซิดนีย์เมืองใหญ่สุดของประเทศก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน วานนี้ต้องลุ้นกันว่าไฟฟ้าจะดับหรือไม่ เนื่องไฟป่าไหม้สายส่งทางตอนใต้ของรัฐที่เชื่อมกับรัฐวิกตอเรีย
แมตต์ คีน รัฐมนตรีพลังงานทวีตข้อความแจ้งข่าวแก่ประชาชน พร้อมขอให้ลดการใช้ไฟที่ไม่จำเป็น ปิดเครื่องปั้มน้ำในสระ ปิดไฟที่ไม่ใช้ และหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องซักผ้าและเครื่องล้างจาน
สถานการณ์ไฟที่รัฐนิวเซาท์เวลส์และวิกตอเรียวานนี้ เจ้าหน้าที่คาดว่าจะควบคุมไม่ได้เนื่องจากอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ประกอบกับลมแรงและเปลี่ยนทิศที่อาจโหมเปลวไฟให้ลุกลามออกไป