
หลังจากเหตุการณ์ที่พายุไต้ฝุ่นฮากิบิส เข้าถล่มประเทศญี่ปุ่นเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แล้วเกิดปรากฏการณ์ประหลาดที่ท้องฟ้าญี่ปุ่นกลายเป็นสีม่วง สีส้ม หรือ สีชมพู ทำให้มีหลายๆคนตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับ ทำไมฟ้าถึงเปลี่ยนสี ซึ่งมีคำตอบเเล้ว จากเฟสบุ๊คท่านหนึ่งโพสต์ถึงเรื่องนี้ไว้ว่า"ท้องฟ้าสีม่วงนี้ เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เมื่อมีพายุไต้ฝุ่นหรือเฮอริเคนขนาดใหญ่เกิดขึ้น ซึ่งก็คือปรากฏการณ์ "การกระเจิงของแสง" (scattering) นั่นเอง
การกระเจิงของแสง เกิดขึ้นได้เมื่อมีอนุภาคขนาดเล็กๆ กระจายอยู่ในชั้นบรรยากาศ โดยอนุภาคจิ๋วนี้จะส่งผลต่อทิศทางเดินของแสง ทำให้เกิดการกระเจิงของแสง ซึ่งเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ประกอบด้วยหลายช่วงความยาวคลื่น กระจายออกเป็นความยาวคลื่นต่างๆ เห็นเป็นหลายสีเหมือนสีรุ้ง แทนที่จะดูไม่มีสี (หรือที่เรียกว่าแสงขาว) ตามปกติ
เมื่อเกิดพายุใหญ่ขึ้น ลมพายุและสายฝนมักจะชะล้างอนุภาคฝุ่นที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถดูดซับแสงได้มากกว่าและทำให้เกิดการกระเจิงความยาวคลื่นแสงได้สม่ำเสมอกว่าอนุภาคขนาดเล็ก และเป็นที่ทำให้ท้องฟ้ามีสีหม่นหมอง นั้นออกไป ... จึงทำให้ท้องฟ้ายามที่มีพายุ จะมีสีเข้มจัดขึ้น
นักอุตุนิยมวิทยา Lauren Rautenkranz ได้อธิบายว่า ปรากฏการณ์เช่นนี้ เคยพบเห็นแล้วในรัฐฟลอริด้า เมื่อปี ค.ศ. 2018 ตอนที่มีพายุเฮอริเคนมิเชล โดยที่เห็นเป็นสีม่วงนี้ก็เพราะว่า
ปกติ เวลาที่แสงอาทิตย์ส่องลงมาที่โลกนั้น สีส่วนใหญ่ในสเปกตรัมของแสงทั้งหมดจะสามารถลงมาถึงพื้นโลกได้โดยไม่ถูกกีดขวาง ยกเว้นแต่พวกที่มีความยาวคลื่นสั้น อย่างสีฟ้าและสีม่วง ที่จะถูกอนุภาคในอากาศทำให้กระเจิง กระเด้งกระดอนไปทุกทิศทาง จนมาถึงตาของเรา
ปกติแล้ว ดวงตาของเราจะมีข้อจำกัดในการรับแสง จึงทำให้เห็นสีฟ้าได้ แต่ไม่ค่อยเห็นสีม่วง ซึ่งอยู่ในช่วงความยาวคลื่นที่สั้นที่สุดของแสงขาว (ถ้าเลยไปกว่านี้ ก็เป็นช่วงอัลตร้าไวโอเล็ต หรือแสงเหนือม่วง ที่ตาคนเรามองไม่เห็นเลย)
แต่ในช่วงที่มีพายุใหญ่นั้น สภาพอากาศมีความเหมาะสมพอดีกับการที่ทำให้แสงสีม่วงปรากฏขึ้น เพราะอากาศมีการอิ่มตัวยิ่งยวด (super-saturated) จุดไอน้ำกลั่น (dew point) มีค่าสูง ก้อนเมฆเคลื่อนใกล้ลงมาที่พื้นดิน และเมื่อพระอาทิตย์เคลื่อนต่ำลง เช่นตอนเช้าหรือตอนเย็น เราก็จะเห็นสีของท้องฟ้าที่แท้จริง ได้ชัดเจนขึ้น (คือทำให้เห็นสีม่วงที่มีอยู่แล้วนั้นได้ จากที่เมื่อก่อนมองไม่เห็นเพราะข้อจำกัดของสายตา)
ดังนั้น ถ้าต่อไป มีปรากฏการณ์เช่นนี้อีกที่ญี่ปุ่น หรือแม้แต่ในบ้านเราก็ตาม ก็ให้ทราบว่าเป็นผลจากการกระเจิงของแสง ด้วยความชื้นในอากาศ เมื่อเกิดพายุ