"หลังจากที่กรมฯได้เข้าไปช่วยพัฒนาปรับโฉม ในช่วงปลายเดือนส.ค.2562จะมีการเปิดตัวร้านค้าธงฟ้าโฉมใหม่ยุค 4.0 เริ่มที่จังหวัดขอนแก่น 28 อำเภอ 28แห่ง ซึ่งหน้าตาของร้าน จะเป็นโฉมใหม่ การจัดวางสินค้าที่เป็นระเบียบมีป้ายไฟติดให้เห็นชัดเจน มีความทันสมัย มองเห็นเด่นชัดแต่ไกล ซึ่งป้ายไฟนี้ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารกรุงไทย เครือสหพัฒน์ และผู้ประกอบการรายอื่นๆ"
ทั้งนี้ ตามเป้าหมายกรมฯจะผลักดันให้มีร้านค้าธงฟ้า 4.0 ให้ได้อำเภอละ 1 แห่ง หรือรวม 878 แห่งทั่วประเทศโดยมั่นใจว่า ร้านค้าธงฟ้าที่ปรับโฉมใหม่จะดึงดูดและจูงใจให้ประชาชนอยากเข้ามาใช้บริการ เพราะสิ่งที่ร้านค้าธงฟ้ามี ก็คือความเป็นชุมชน การเป็นเพื่อนบ้านเกษตรกรและชุมชนได้มีส่วนร่วมในการนำสินค้าเข้าไปจำหน่าย ซึ่งเสน่ห์ตรงนี้ร้านค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ หรือร้านสะดวกซื้อไม่มี
สำหรับร้านค้าธงฟ้าที่มีความประสงค์จะเข้าร่วมพัฒนาเป็นร้านค้า4.0 กรมฯ ได้ประสานให้สถาบันการเงินเข้ามาช่วยปล่อยกู้เพื่อให้มีเงินทุนในการพัฒนาร้าน ซื้อสินค้าโดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)พร้อมที่จะเข้ามาช่วยค้ำประกันให้ และยังได้จัดกิจกรรมเชื่อมโยงการจำหน่ายสินค้าทั้งข้ามจังหวัด ข้ามภาค โดยเปิดโอกาสให้ร้านธงฟ้าพบปะเจรจาจับคู่กับผู้ผลิตและเกษตรกร รวมทั้งประสานบริษัทขนส่งช่วยรับส่งสินค้าจากผู้ผลิตมายังร้านค้าเพื่อลดต้นทุน และทำให้ขายสินค้าได้ถูกลงด้วย
ปัจจุบันมีร้านค้าสมัครเข้าเป็นร้านธงฟ้ารวม 8.3 หมื่นแห่งทั่วประเทศมีทั้งร้านค้าแบบติดตั้งเครื่องรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) และแบบใช้แอปพลิเคชัน"ถุงเงินประชารัฐโดยมียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเข้าสู่ร้านค้าประมาณ 7.5 หมื่นล้านบาทนับตั้งแต่เดือนต.ค.2560 จนถึงเดือนส.ค.2562
นายวิชัย กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ได้มีการสำรวจร้านค้าปลีกรายย่อย (โชวห่วย) และร้านธงฟ้าทั่วประเทศ พบว่ามีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นสูงถึง 7% จากก่อนหน้านี้ ที่การเติบโตติดลบ 3-4% ทุกปีเนื่องจากได้รับผลดีจากการเข้าไปช่วยเหลือของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ทั้งกรมฯ และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ทำให้ร้านค้ามีความเข้มแข็งและสามารถดำเนินธุรกิจได้ดีขึ้น แต่ในจำนวนนี้เป็นการเติบโตของร้านค้าในส่วนภูมิภาคเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ในเมืองอย่างกรุงเทพฯไม่ค่อยเติบโต เพราะผู้บริโภคมีทางเลือกในการเข้าไปซื้อสินค้าในห้างสรรพสินค้าร้านสะดวกซื้อ ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก