svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

กทท. เพิกถอนใบอนุญาตทัวร์ "อีแอลซี" มีผลทางกฎหมายแล้ว

22 กรกฎาคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว ยืนยันคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตทัวร์ "อีแอลซี" มีผลบังคับใช้แล้ว สั่งห้ามขายทัวร์ใหม่ และต้องเคลียร์ลูกทัวร์ค้างเก่าออกเที่ยวให้หมดภายใน 3 เดือน ด้านกทท. เตรียมยก "อีแอลซี" เป็นโมเดลควบคุมบริษัททัวร์อื่น

ความคืบหน้ากรณี "อีแอลซีทัวร์" ที่มีผู้เสียหายร้องเรียนกับเนชั่นทีวีว่าถูกบริษัททัวร์นี้ฉ้อโกงเงินค่าแพ็กเกจท่องเที่ยว ลักษณะคือจ่ายเงินครบ แต่ไม่ได้เดินทางตามสัญญาโดยคาดว่ามีผู้เสียหายมากถึง 5,000 คน มูลค่าความเสียหายหลักพันล้านบาทตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น


กทท. เพิกถอนใบอนุญาตทัวร์ "อีแอลซี" มีผลทางกฎหมายแล้ว




ล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (22 ก.ค.) นางวันทนาแจ้งประจักษ์ รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว (กทท.) ในฐานะนายทะเบียนกลาง ให้สัมภาษณ์กับเนชั่นทีวีว่ากทท. ได้มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจท่องเที่ยวของบริษัท อีแอลซีกรุ๊ปจำกัดแล้ว โดยมีผลบังคับใช้ทางกฎหมายตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค. 2562 หลังครบกำหนด 7วัน ที่นายทะเบียนกลางออกหนังสือคำสั่งส่งไปยังสำนักงานใหญ่ ตั้งอยู่เลขที่ 11ถนนเปรมประชาราษฎร์ ต.ในเวียง อ.เมืองน่าน จ.น่าน โดยท้ายคำสั่งระบุว่า ให้เจ้าของหรือตัวแทนบริษัทเข้าพบแต่ปรากฎว่าไม่ได้เดินทางมา และติดต่อไม่ได้


สำหรับพฤติการณ์ส่อว่ากระทำความผิดของบริษัทอีแอลซีจนนำมาสู่การเพิกถอนใบอนุญาตนั้น รองอธิบดี กทท. บอกว่า เข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์มาตรา 26 ระบุรายละเอียดการประกาศขาย หรือชี้ชวน ไม่ครบ 9 ข้อตามที่กำหนด โดยมีการระบุเพียง3 ข้อเท่านั้น อีกทั้งไม่แจ้งโปรแกรมทัวร์ให้ลูกค้าได้ทราบก่อนจ่ายเงิน และมาตรา30 มีการเรียกเก็บเงินเพิ่มจากลูกทัวร์โดยที่ไม่ยินยอม ทั้งค่าแพคเกจ ค่าทิปไกด์ ค่าทำวีซ่าและยังขอยืมเงิน หรือขอให้ลูกทัวร์ช่วยเหลือฟรีๆ


กทท. เพิกถอนใบอนุญาตทัวร์ "อีแอลซี" มีผลทางกฎหมายแล้ว




โดยคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาต จะส่งผลให้บริษัทอีแอลซีไม่สามารถขายทัวร์ได้อีกต่อไป และต้องรับผิดชอบลูกทัวร์ที่ตกค้างก่อนหน้านี้โดยจัดท่องเที่ยวตามโปรแกรม เพื่อเคลียร์ลูกทัวร์ออกให้หมดภายใน 3 เดือน โดยจะครบกำหนดในวันที่ 21 ต.ค.2562 หากบริษัทไม่สามารถดำเนินการเองได้ ให้หาผู้ประกอบการรายอื่นมาดำเนินการแทนภายในเวลาที่กำหนดส่วนลูกทัวร์ที่ไม่ประสงค์เดินทางต่อ ให้ติดต่อกับทางบริษัทเพื่อขอเงินคืนได้หากติดต่อไม่ได้ หรือโดนปฏิเสธความรับผิดชอบ ให้นำเอกสารหลักฐานไปยื่นกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) หรือจะเดินทางมาร้องเรียนที่กรมการท่องเที่ยวก็ได้


ส่วนในทางคดี กทท.จะดำเนินคดีอาญากับบริษัทอีแอลซีได้ต่อเมื่อบริษัทฝ่าฝืนไม่ดำเนินการรับผิดชอบลูกทัวร์ภายในระยะเวลา 3 เดือน นับตั้งแต่มีการเพิกถอนใบอนุญาตโดยมีโทษปรับตั้งแต่ 5,000-50,000บาท และกรณีที่มีหลักฐานว่า หลังโดนเพิกถอนใบอนุญาตแล้ว บริษัทยังขายทัวร์เพิ่มโดยไม่ได้รับอนุญาตมีโทษจำคุก 2 ปี และปรับ 500,000 บาทตาม พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์


กทท. เพิกถอนใบอนุญาตทัวร์ "อีแอลซี" มีผลทางกฎหมายแล้ว




หลังจากนี้ กทท. จะรวบรวมข้อมูลผู้ร้องเรียนจำนวนกว่า 300 ราย ไปยื่นกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป รวมถึงยื่นให้กรมสรรพากรเข้ามาตรวจสอบว่า มีการเสียภาษีถูกต้องหรือไม่เนื่องจากผู้ร้องเรียนระบุตรงกันว่า ตั้งแต่ขายทัวร์มาบริษัทไม่เคยออกใบเสร็จให้ลูกค้ามีเพียงสลิปโอนเงินเป็นหลักฐานเท่านั้น


"ทางกรมการท่องเที่ยว ไม่ได้เพิกเฉยต่อข้อร้องเรียนที่เกิดขึ้นเพียงแต่ที่ผ่านมายังดำเนินการอะไรมากไม่ได้ เนื่องจากเขายังไม่ผิดแต่หลังจากเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา เราเริ่มพบความผิด เนื่องจากเขาโดนเพิกถอนวีซ่า และเริ่มเททัวร์เราจึงตักเตือนไป แต่เขาก็ยังทำผิดอยู่เรื่อยๆ กระทั่งเดือนมิ.ย. เห็นชัดว่าผิดมาตรา26 คือไม่มีโปรแกรมทัวร์ให้นักท่องเที่ยว จึงสั่งพักใบอนุญาต 1 เดือนระหว่างวันที่ 13 มิ.ย.-12 ก.ค. ระหว่างนั้นก็ยังได้รับร้องเรียนเรื่องการเรียกเก็บเงินเพิ่มจากนักท่องเที่ยวจนนำมาสู่การเพิกถอนใบอนุญาตในวันที่ 15 ก.ค. ซึ่งเราไม่ได้เพิกเฉยและพยายามทำตามข้อกฎหมายฉบับนี้" รองอธิบดี กทท.กล่าว


สำหรับกรณีบริษัทอีแอลซี ทางกทท. จะยกให้เป็นโมเดลในการควบคุมบริษัททัวร์อื่นๆโดยขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไข พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ซึ่งหลายประเด็นยังมีช่องโหว่โดยเฉพาะเรื่องเงินประกัน 200,000บาทที่บริษัทวางไว้กับกรมฯ ยังถือว่าน้อยเกินไป ไม่เพียงพอเยียวยาผู้เสียหาย และต้องจ้างที่ปรึกษามาแก้ไขกฎหมายซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลาหนึ่ง


กทท. เพิกถอนใบอนุญาตทัวร์ "อีแอลซี" มีผลทางกฎหมายแล้ว




รองอธิบดี กทท. ยังฝากคำแนะนำนักท่องเที่ยวว่า ควรเลือกซื้อทัวร์ให้ถูกต้องโดยตรวจสอบว่าบริษัทมีใบอนุญาตถูกต้องหรือไม่ รวมถึงดูรายละเอียดการโฆษณาให้ครบถ้วนและต้องมีใบเสร็จรับเงินทุกครั้ง สิ่งสำคัญคือการสังเกตราคาทัวร์ หากถูกเกินไปถือว่ามีความเสี่ยงนอกจากนี้สามารถตรวจสอบข้อมูลบริษัททัวร์ได้ทาง www.tourism.go.th หรือสายด่วนกรมการท่องเที่ยวโทร 02-401-1111 ตลอด 24 ชั่วโมง

logoline