
จุดเริ่มต้นของภารกิจมาจาก "หัวหน้าหนู" เป็นเพื่อนเรียน ป.1 กับ คุณหมอพัชร อ่องจริต ศัลยแพทย์หัวใจ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งหมอพัชรทำหน้าที่ผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจให้คนไข้มานานแล้ว แต่ปัญหาคือผู้บริจาคอวัยวะส่วนใหญ่อยู่ทางเหนือและอีสาน การเดินทางต้องใช้เครื่องบินเพื่อความรวดเร็ว แต่ข้อจำกัดที่สำคัญไปกว่านั้นคือเรื่องของเวลา โดยเฉพาะการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง ต้องทำให้จบภายใน 4 ชั่วโมง ถ้าเกินจากนี้ก็ไม่ประสบความสำเร็จ หรือต้องยอมปล่อยผ่านไปทั้งๆ ที่เสียดาย
หลายครั้งภารกิจมีปัญหาจากเรื่องการเดินทาง แม้จะใช้สายการบินพาณิชย์ ก็ยังมีข้อจำกัดเรื่องเที่ยวบินและระยะเวลาก่อนเครื่องขึ้นกับหลังเครื่องลง ทำให้ หมอพัชร หวังใจมาตลอดว่าจะมีทางออกที่ดีกว่านี้ และแล้วจู่ๆ หัวหน้าหนูก็แสดงตัวเอ่ยปากให้ความช่วยเหลือ
ภารกิจ "หัวใจติดปีก" จึงเกิดขึ้นนับจากนั้น และเริ่มครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2557 วันนั้นทั้ง "กัปตันหนู" และหมอพัชร ต่างก็อยู่ต่างจังหวัด แต่เมื่อมีหัวใจ เสนอเข้ามาราว 6 โมงเย็น จากจังหวัดอุดรธานี หมอพัชร จึงตัดสินใจโทรหากัปตันหนู สุดท้ายก็นัดพบ และออกบินในช่วงค่ำ แล้วนอนค้างคืน เช้าตรู่ตี 4 ทีมแพทย์ก็ไปทำการผ่าตัด ส่วนกัปตันหนู เตรียมพร้อมรอบิน พาหัวใจกลับเมืองกรุง แม้ว่ากัปตันหนู จะเชี่ยวชาญการขับเครื่องบินมานาน แต่ภารกิจแรกของเขา ก็อดตื่นเต้นไม่ได้ จนมีเรื่องขำขันเกิดขึ้น
แม้จะปฏิบัติภารกิจด้วยกันมาเข้าสู่ปีที่ 5 แล้วผ่านมา 20 กว่าเคส แต่หมอพัชรก็ยังออกปากชมอยู่เสมอว่ากัปตันหนู เป็นคนมีน้ำใจ ถือว่าเราได้มาช่วยกันทำในสิ่งที่เกิดประโยชน์กับคนไข้โดยตรง เกิดประโยชน์กับวงการแพทย์ วงการปลูกถ่ายอวัยวะในประเทศไทย และด้วยชื่อเสียงของเขา ทำให้ผู้คนสนใจ และได้รู้ว่าประเทศไทยมีการปลูกถ่ายอวัยวะ ซึ่งได้ผลดีเหมือนกับต่างประเทศด้วย แม้การทำความดีอาจถูกโยงว่าหาเสียงการเมือง แต่หมอพัชร ยืนยันว่า กัปตันหนู ไม่เคยเอาเรื่องนี้มาเกี่ยวข้องกับการเมืองเลย