ในปีนี้ กรุงเทพมหานคร มูลนิธิสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ประเทศไทย): FEED และองค์กร WWF ประเทศไทย ยังคงเดินหน้าสานต่อการจัดกิจกรรม "ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน (60+Earth Hour 2019)" ภายใต้แนวคิด "ปิดเพื่อโลก เปลี่ยนเพื่ออนาคต" ด้วยการรณรงค์ให้ประชาชนร่วมกันปิดไฟที่ไม่จำเป็น เป็นเวลา 1 ชั่วโมง พร้อมกับเมืองใหญ่ทั่วโลก ในช่วงเวลา 20.30 - 21.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นของแต่ละเมือง เพื่อเป็นการรณรงค์ลดการใช้พลังงาน สร้างการมีส่วนร่วมของหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน ตลอดจนประชาชนให้มีจิตสำนึกเป็นหนึ่งเดียวกันที่จะช่วยแก้ไขและบรรเทาสาเหตุที่จะนำไปสู่วิกฤตการณ์อันเกิดภาวะโลกร้อนในอนาคต
สำหรับรูปแบบกิจกรรมแบ่งเป็น 3 กิจกรรมหลัก ประกอบด้วย 1. การจัดแถลงข่าว "ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน(60+Earth Hour 2019)" ในวันพุธที่ 20 มี.ค.2562 เวลา 09.30-11.30 น. ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร(เสาชิงช้า) 2.กิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ "ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน" ของกลุ่มเขต สำนักงานเขต และภาคีเครือข่าย ระหว่างวันที่ 25-30 มี.ค.2562
และ 3. กิจกรรม "ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน(60+Earth Hour 2019)" ในวันที่ 30 มี.ค.2562 เวลา 20.30-21.30 น. ณ บริเวณลานสแควร์ C ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เขตปทุมวัน และจะมีการปิดไฟเชิงสัญลักษณ์ ณ สถานที่สำคัญเพื่อส่งเสริมกิจกรรม "ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน" จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ 1.วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง 2.วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร 3.เสาชิงช้า 4. สะพานพระราม 8 และ 5.วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร(ภูเขาทอง)
นอกจากนี้ กรุงเทพมหานคร มีเป้าหมายที่จะขยายกลุ่มเป้าหมายของกิจกรรม จึงได้ขอความร่วมมือหน่วยงานเครือข่าย สนับสนุนการปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน รวมทั้งมอบหมายให้ทุกสำนักงานเขต พิจารณาคัดเลือกอาคารหรือสถานที่ เขตละ 2 แห่ง และถนน เขตละ 1 แห่ง เพื่อร่วมปิดไฟเชิงสัญลักษณ์อีกด้วย ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร FEED และ WWF ประเทศไทย ร่วมจัดกิจกรรม"ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน : 60+Earth Hour" ตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบันนับเป็นปีที่ 12 ของการจัดกิจกรรม
สำหรับผลสำเร็จของการจัดกิจกรรมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 24 มี.ค.2561 ณ ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลแกรนด์ พระราม 9 เขตห้วยขวาง สามารถลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าได้ถึง 2,002 เมกกะวัตต์ เท่ากับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ได้ 1,026 ตัน คิดเป็นมูลค่า 7.86 ล้านบาท การสานต่อกิจกรรมนี้และการได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง จะสามารถนำไปสู่การดำเนินการลดปัญหาภาวะโลกร้อนได้อย่างเป็นรูปธรรมอย่างแน่นอน
โครงการเอิร์ธอาวเออร์ (Earth Hour) เป็นโครงการร่วมมือระดับนานาชาติ รณรงค์ให้ปิดไฟเป็นเวลา 1 ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นให้คนหันมาตระหนักถึงปัญหาเรื่องภาวะโลกร้อนมากขึ้น ริเริ่มโครงการโดย กองทุนสัตว์ป่าโลก (World Wildlife Fund : WWF) จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2550 ที่นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ผลปรากฎว่าหลังจากการปิดไฟเป็นเวลา 60 นาที คน 2.2 ล้านคน ปิดไฟและสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนลงเท่ากับการลดจำนวนรถยนต์ในถนนไปถึง 48,000 คัน หรือช่วยลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าลงได้ 10% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ
ในปี พ.ศ. 2551 มีเมืองที่เข้าร่วมกิจกรรมถึง 370 เมืองทั่วโลก ใน 37 ประเทศ และในจำนวนนั้นเป็น 26 เมืองสำคัญของโลก โดยร่วมปิดไฟในวันที่ 29 มีนาคม เวลา 20.00น. ถึง 21.00 น ตามเวลาท้องถิ่นของเมืองนั้น เริ่มจากเมือง ซิดนีย์จะมืดลง นิวซีแลนด์และฟิจิเป็น 2 ประเทศแรกที่เดินทางมาถึงเวลา 20.00 น. และมีเมืองใหญ่ๆ ในเอเชียร่วมปิดไฟ 1 ชั่วโมงตามมาอีกมากมาย อาทิ โตเกียว, มะนิลา, จาการ์ตา, สิงคโปร์, นิวเดลี บังกอร์ รวมถึงกรุงเทพมหานคร
ในปี พ.ศ. 2552 เอิร์ธอาวเออร์ กำหนดให้มีขึ้นในวันที่ 28 มีนาคม เวลา 20.30 น.ถึง 21.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีประเทศผู้เข้าร่วมโครงการจำนวน 82 ประเทศ รวมแล้วมากกว่า 2,100 เมือง
ในปี พ.ศ. 2553 เอิร์ธอาวเออร์ กำหนดให้มีขึ้นในวันเสาร์ที่ 27 มีนาคม เวลา 20.30 ถึง 21.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น
ในปี พ.ศ. 2556 แอนดี ริดลีย์ ประธานบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Earth Hour กล่าวในพิธีเปิดการรณรงค์เพื่อสิ่งแวดล้อมในประเทศสิงคโปร์ ว่า Earth Hour 2556 จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 23 มีนาคม 2556 เวลา 20.30 น."Earth Hour เป็นมากกว่าการรณรงค์ปิดไฟหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น ทุกคนเห็นผลลัพธ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่น่าทึ่ง ระหว่างการเดินทางสู่ความสำเร็จด้วยวิสัยทัศน์ระยะยาว" ริดลีย์กล่าว